ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เกี่ยวกับทะเลและมหาสมุทร
Fifty key Facts About Seas and Oceans
๑. มหาสมุทรปกคลุมพื้นที่ถึง ๗๐% ของผิวโลก
๒. มากกว่า ๙๐% ของสิ่งมีชีวิตบนโลก (เทียบด้วยมวลชีวภาพ) อยู่ในทะเล
๓. ๘๐% ของมลภาวะทางทะเลมาจากกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนผืนดิน
๔. ๔๐% ของประชากรโลก อาศัยอยู่ในระยะ ๖๐ กิโลเมตร จากฝั่งทะเล
๕. ๓ ใน ๔ ของเมืองใหญ่ๆ ในโลก อยู่ติดทะเล
๖. ภายใน พ.ศ.๒๕๕๓ ๘๐% ของประชากรโลกจะอาศัยอยู่ในระยะ ๑๐๐ กิโลเมตร จากชายฝั่งทะเล
๗. การตายและโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากน้ำทะเลเป็นพิษ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายถึง ๑๒.๘ พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และเป็นโรคตับอักเสบที่เกิดจากอาหารทะเลปนเปื้อนสารพิษปีละ ๗.๒ พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
๘. ของเสียที่เป็นพลาสติกได้คร่าชีวิตนกทะเลกว่า ๑ ล้านตัว สัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนมกว่า ๑ แสนตัวและปลาทะเลอีกนับไม่ถ้วน
๙. สิ่งมีชีวิตในทะเลตายไปไม่ใช่เป็นเพราะตัวพลาสติกเอง แต่เป็นเพราะการย่อยสลายของพลาสติก พลาสติกที่ย่อยสลายไปแล้วนั้นจะยังอยู่ในระบบนิเวศและยังคงส่งผลร้ายต่อไป
๑๐. ปรากฏการณ์การเจริญเติบโตของสาหร่ายและแพลงก์ตอนพืชอย่างรวดเร็ว (Agal Blooming)¹ เกิดจากสารอาหารในน้ำที่มีมากเกินไปโดยเฉพาะไนโตรเจนที่มาจากปุ๋ยที่ใช้ในการเกษตร ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลขาดออกซิเจนเกือบ ๑๕๐ แห่งทั่วโลก โดยพื้นที่ของปรากฏการณ์การน้ำขาดออกซิเจนมีตั้งแต่ ๑ – ๗๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร
๑๑. ในแต่ละปี น้ำมันประมาณ ๒๑ ล้านบาเรล ไหลลงสู่มหาสมุทร ซึ่งมาจากการชะล้างถนน โรงงาน และเรือเดินสมุทร
๑๒. ในทศวรรษที่ผ่านมา (ปี พ.ศ.๒๕๔๓ – ๒๕๕๓) น้ำมันประมาณ ๖ แสนบาเรล รั่วลงทะเลจากอุบัติเหตุเรือและในปริมาณที่เท่ากันอีก ๑๒ ครั้ง เกิดจากการจมของถังน้ำมันเรือ Prestige ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ เพียงปีเดียว
๑๓. น้ำมันที่ขนส่งบนเรือ กว่า ๖๐% เป็นน้ำมันที่ใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค
๑๔. มากกว่า ๙๐% ของสินค้าบนโลก ขนส่งโดยทางเรือ
๑๕. แต่ละปี น้ำที่ปล่อยออกมาจากการเดินเรือเพื่อใช้รักษาสมดุล การทรงตัวของเรือ (Ballast Water) ได้ทิ้งออกไปและหมุนเวียนไปทั่วโลกกว่า ๑ พันล้านตัน
๑๖. น้ำที่ใช้ในการเดินเรือ (Ballast Water) ทำให้เกิดปัญหาการแพร่กระจายของสัตว์พลัดถิ่น (Exotic Species) เช่น แมงกะพรุน และหอยม้าลาย ²
๑๗. มลภาวะและสัตว์นำเข้าหรือสัตว์หลงพลัดถิ่น (Exotic Species) กำลังเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นทุกวันในป่า ชายเลน หญ้าทะเลและปะการัง
๑๘. ปะการังเขตร้อนรอบชายฝั่งของ ๑๐๙ ประเทศ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปะการังที่อายุน้อย) เกิดจากการ เสื่อมโทรมกว่า ๙๓ ประเทศ
๑๙. ถึงแม้ว่าปะการังจะกินพื้นที่ไม่ถึง ๐.๕% ของพื้นที่มหาสมุทร แต่สิ่งมีชีวิตมากกว่า ๙๐% ดำรงชีวิต โดยอาศัยปะการังไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
๒๐. ปลาที่อาศัยปะการังกว่า ๔,๐๐๐ ชนิด มีจำนวนถึง ๑ ใน ๔ ของจำนวนชนิดของปลาทะเลทั้งหมด
๒๑. เกรท แบรี่เออ รีฟ (Great Barrier Reef) เป็นแนวปะการังที่ยาวกว่า ๒,๐๐๐ กิโลเมตร และมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งสามารถมองเห็นได้จากดวงจันทร์
๒๒. ปะการังช่วยปกป้องมนุษย์จากคลื่นและพายุและเป็นตัวปรับสมดุลระหว่างสังคมชีวิตในทะเลและรอบชายฝั่ง
๒๓. เกือบ ๖๐% ของปะการังในโลก จะสูญพันธุ์ไปในอีก ๓๐ ปีข้างหน้า
๒๔. สาเหตุของการลดลงของปะการังมาจากการพัฒนาชายหาด, การทับถมของตะกอน, การจับปลาอย่างไม่ถูกวิธี, มลภาวะ, การท่องเที่ยวและสภาวะโลกร้อน
๒๕. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ทำให้ปะการังทั่วโลกตายลงเป็นจำนวนมากและเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะกับเกาะเล็กๆ ที่กำลังพัฒนา
๒๖. ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ๑๐ ถึง ๑๕ ซม. ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา และถ้าน้ำแข็งทั่วโลกละลายลง ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นถึง ๖๖ เมตร
๒๗. ใน ๑ ปี ๖๐% ของพื้นที่ชายฝั่งทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกและ ๓๕% ของพื้นที่ชายฝั่งทะเลมหาสมุทรแอตแลนติกลดลง
๒๘. ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวมี ๗๕% ในปี พ.ศ.๒๕๔๑ และ ๑๖% ของปะการังเหล่านี้ตาย
๒๙. ข้อมูลต่างๆ ของทะเลทั่วโลกต้องพร้อมภายในปี พ.ศ.๒๕๔๗ และการทำงานอย่างเป็นระบบของเครือข่ายระดับโลกของเขตอนุรักษ์น่านน้ำสากลภายในปี พ.ศ.๒๕๕๕
๓๐. พื้นที่ของมหาสมุทรทั่วโลกน้อยกว่า ๐.๕% ได้รับการคุ้มครอง ในขณะที่แผ่นดิน ๑๑.๕% ทั่วโลกได้รับการคุ้มครอง
๓๑. เขตน่านน้ำสากลมากกว่า ๕๐% บนโลก เป็นส่วนที่ได้รับการปกป้องดูแลน้อยที่สุด
๓๒. ถึงแม้จะมีการปกป้องสัตว์ทะเล เช่น สัตว์ที่สามารถเดินทางย้ายถิ่นฐานได้ทั่วโลก (Ocean-Going) เช่น วาฬ แต่ในเขตน่านน้ำสากลกลับไม่มีการปกป้องคุ้มครองใด
๓๓. การศึกษาวิจัยเพื่อการอนุรักษ์ที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล เช่น ปะการัง, หญ้าทะเลและป่าชายเลน จะช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับชาวประมงพื้นบ้านเพื่อการค้าส่งออก
๓๔. จำนวนครึ่งหนึ่งของปลาที่จับทั่วโลกมาจากชาวประมงพื้นบ้าน ๙๐% ที่จับปลาเพื่อการดำรงชีวิต
๓๕. กว่า ๙๔% ของปลาที่จับเป็นอาหาร หรือ ๘๐ ล้านตัน มาจากบริเวณรอบชายฝั่งทะเล
๓๖. ประชากรมากกว่า ๓,๕๐๐๐ ล้านคน รับประทานอาหารจากทะเล และจะเพิ่มขึ้นกว่า ๗,๐๐๐ ล้านคน ในอีก ๒๐ ปีข้างหน้า
๓๗. กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านกำลังถูกคุกคามจากการทำประมงสมัยใหม่ที่ผิดกฎหมายและขาดการควบคุม
๓๘. มากกว่า ๗๐% ของการทำประมงในโลก จับปลาเกินจำนวน ซึ่งในอนาคตอาจมีไม่เพียงพอกับความต้องการของจำนวนประชากรโลก
๓๙. จำนวนปลาใหญ่ที่ล่าเพื่อการค้าทั้งหลาย เช่น ทูน่า, คอด, ปลาดาบ, มาร์ลิน จะลดลงมากกว่า ๙๐% ในทศวรรษหน้า
๔๐. การประชุมระดับโลกได้มีข้อตกลงให้ภายในปี พ.ศ.๒๕๕๘ ต้องทำให้จำนวนปลามีมากเพียงพอที่จะรองรับกับจำนวนประชากรมนุษย์เป็นภารกิจเร่งด่วน
๔๑. ภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จอีกอย่างหนึ่งคือ หยุดการประมงที่ขาดการควบคุม, ผิดกฎหมายและใช้เครื่องมือไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม
๔๒. รัฐบาลมักทุ่มงบประมาณรวมกันทั่วโลกกว่า ๑๕-๒๐ พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการประมง ทำให้ทรัพยากรทางทะเลร่อยหรอลงเรื่อยๆ
๔๓. การจับปลาอย่างไม่ถูกวิธี ได้ทำลายสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเลมากมาย รวมทั้งทำลายที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
๔๔. ในแต่ละปี การจับปลาอย่างผิดกฎหมายรวมถึงเครื่องมือประมงที่เป็นอันตราย ซึ่งทำให้นกตายกว่า ๔๐๐,๐๐๐ ตัว ครอบคลุมพื้นที่กว่า ๘๐ ไมล์
๔๕. ปลาฉลามกว่า ๑๐๐ ล้านตัว ถูกล่าเพื่อนำเนื้อมาเป็นอาหาร โดยเฉพาะการนำมาทำหูฉลาม ซึ่งนักล่าฉลามเพียงแค่ตัดครีบอย่างเดียวและโยนตัวลงทะเล ซึ่งปลาจะเสียเลือดจนตายไปในที่สุด
๔๖. สถิติการจับปลาทั่วโลก โดยการใช้เครื่องมือแบบไม่เลือกทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ มีจำนวนกว่า ๒๐ ล้านตันต่อปี
๔๗. ในแต่ละปีมีวาฬ และโลมา ตายมากกว่าอย่างละ ๓ แสนตัว
๔๘. การจับกุ้งทะเลคิดเป็น ๒% ของอาหารทะเลทั่งโลกแต่เป็น ๑ ใน ๓ ของการจับทั้งหมด
๔๙. การทำนากุ้งเป็นสาเหตุให้น้ำมีมลภาวะเป็นพิษ และเป็นผลร้ายต่อป่าชายเลนทั่วโลกถึง ๑ ใน ๔
๕๐. ป่าชายเลนเป็นแหล่งพึ่งพิงของปลาเศรษฐกิจในเขตร้อนกว่า ๘๕%
1. ภาวะน้ำทะเลขาดออกซิเจน [อ่าน]
2. ซึ่งสัตว์เหล่านี้มีความสามารถในการแพร่พันธุ์เร็วและสร้างปัญหาให้กับสัตว์ท้องถิ่นเดิมนั้น