ในหมู่เด็กๆ รักษ์เขาใหญ่มีความเคลื่อนไหวลึกๆ คล้ายจะเกิดปฏิวัติ เป็นความตื่นตัวกับกระแส“สมอปูน” เดือนตุลาคมนี้ มีการพูดชักชวนปากต่อปาก มีการวาดทริปเที่ยวสวยหรู พอๆ กับคนแก่บางคนหมายมั่นจะล้างตาที่ผิดหวังเมื่อปีกลายเพราะอุทกภัย ก่อนการขึ้นเขาสมอปูนจริงๆ จึงเกิดแผนการด่วนเพื่อจุดประสงค์หลายข้ออาทิ ทดสอบพละกำลังคนแก่ ให้มือใหม่รู้จักการอยู่ในป่า สอนทักษะการอยู่ในป่าให้กับมือไม่ใหม่แต่ยังไม่ได้การ ฯลฯ
เพื่อตอบรับจุดประสงค์เหล่านี้.. จัดไป!
เส้นทางหลังวัดฯ เป็นทางเลือกเหมาะสมกับแผนนี้ เพราะเป็นหลังบ้านเราเอง ลำธารกำลังอุดมสมบูรณ์ เส้นทางเดินมีค่าความยากในเกณฑ์ดี ฤกษ์ก็แสนดีออกเดินต้นเดือนตุลาคมสายๆ เมื่อกราบพระอาจารย์แดงก่อนขึ้นเขาท่านก็ให้เรามาเด็ดๆ สองตัว ตรงๆ ไม่ต้องกลับไม่ต้องโต๊ส ชื่อไอ้เป๊บซี่ กับไอ้ขาวน้อย หมาสองตัว เกือบลืมแนะนำคนซะแล้ว สมาชิกแบ่งเป็นสองรุ่น รุ่นพี่นำโดย พี่หน่องหรือพี่แขกหัวหน้าทีม พี่แนทหัวหน้าของหัวหน้าทีมอีกที พี่อุ๊ พี่มอ พี่เก่ง พี่นิม พี่อ๋อ พี่ทีม พี่หวาน รุ่นน้องจากเทคนิคปราจีนมีคิง อั้ม จุ๊ นกหวีด กิ้ว และจากโรงเรียนปากช่องมีกุ้ยช่าย กระปุก ข้าวตัง แอม ญาญ่า ตั้ว คิง ศักดิ์ พระอาจารย์ให้เราจอดรถที่โบสถ์แล้วค่อยเดินตามถนนซึ่งเท่ากับเพิ่มระยะทางเป็นกิโลฯ แต่ปลอดภัยต่อรถเพราะตามเส้นทางมีน้ำหลากตัดทางหลายช่วง กว่าเราจะถึงมอมะกอกก็แทบแย่ ทำให้น้องแอมตาลายเห็นต้นมะกอกเป็นเสาไฟฟ้า …ถ้ารู้ว่ามีไฟฟ้าใช้น่าจะเตรียมหม้อหุงข้าว ทีวี ตู้เย็นมาให้พร้อม..
จากนั้นก็เป็นที่รู้กันถึงความชันที่ต้องเดินไปพักหอบเหนื่อยกันไป แต่ถ้าใครหลับตาฟังเฉพาะเสียงคุยจะเข้าใจว่าไม่มีใครเหนื่อยเลย พอถึงลานหินมะค่าก็ต้องมีการรับน้องตามประเพณี พี่เก่ง พี่อ๋อ อดีตลูกหาบกิตติมศักดิ์ทำหน้าจืด บ่นพึมพำ“กูอีกแล้ว งานเข้าอีกแล้ว” แต่เพื่อน้องๆ…จัดให้!
สะโหลสะเหลถึงแค้มป์เกือบห้าโมงเย็น หนุ่มๆ หลงดีใจที่พี่อุ๊บอกว่าหาฟืนให้แล้ว แต่ต้องไปตัดแล้วแบกมาเอง เฮ่อ!..ช่วยมากเล้ย ก่อไฟแล้วหนุ่มๆ หุงข้าว สาวๆ รุมทำกับข้าวสุดฝีมือ ป๋าหน่องนอนพักอยู่ใกล้ๆ ยังชม“ยังกะปาร์ตี้นกกระจอก” เสร็จสรรพจากงาน เก็บกับข้าวไว้ก่อนยังไม่กิน ได้เวลานั่งริมหน้าผาดูโชว์ เอาเลย…จัดหนัก!
วิวเทือกเขากำแพงเป็นวิก กั้นด้วยหุบเหวลึก ลมเย็นโชยสม่ำเสมอปราศจากเค้าฝน ผู้คนเลือกที่นั่งชมวิวหน้าผา ฉากคือเขาสูงเหยียดยาว ป่าเขียวขจี มีเสียงน้ำตกเป็นพื้นหลัง นกตบยุงออกบินฉวัดเฉวียน นกเล็กทยอยกลับรัง ขอบฟ้าเหลือแสงสีส้มจางๆ และ…ห้า..สี่..สาม..สอง..หนึ่ง..แอ๊คชั่น! นกเงือกกรามช้างบินตัดหุบเขาทีละคู่ ทีละคู่เหมือนมีผู้กำกับคุมคิวออกโชว์ สะกดผู้ชมเงียบทั้งโรงละคร ก่อนฟ้าจะมืดค่ำ
อาหารเย็นฝีมือสาวๆ นกกระจอกพอไปวัดไปวาได้โดยเฉพาะน้ำพริกที่ต่างเอามาจากบ้าน บวกความหิวและเหนื่อยเข้าไปอีกก็ยังแค่พอไปวัดไปวานั่นแหละ
เวลาหลังอาหารท่ามกลางบรรยากาศใต้ควันฟืนแสงไฟพี่อ๋อให้น้องๆ เล่าความประทับใจที่ได้ขึ้นเขามา จากคำบอกเล่าได้รู้ว่าไอ้เนินที่ชันที่สุดของเส้นทางที่เราเรียกกันว่า“มอขี้แตก” นั้นเป็นเพราะมันทำให้คนขี้แตกได้…ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง.. น้องกิ้วสาวเทคนิคปราจีนถูกเพื่อนรักหักเหลี่ยมเผาว่า ตอนกิ้วถึงมอชันๆ นั้นกิ้วไล่ให้เพื่อนออกหน้าก่อน ทำท่าเหมือนเหนื่อยมากเดินจะไม่ไหว แต่ที่ไหนได้ พอเพื่อนเดินไปพ้นระยะแล้วกิ้วเริ่มเร่งเครื่องใส่เกียร์ต่ำ เหยียบคันเร่งแล้วยังจุดไนโตรขึ้นเขาด้วย ป้าด!!-ๆ-ๆ-ๆ ไม่รู้ว่ามีไนโตรน้ำออกมาด้วยหรือเปล่า จบกิจกรรม แบ่งเวรยามเตรียมเข้านอนมาถึงช่วงเพลงกล่อมนอนโดยวงหนุ่มเทคนิคฯ และหนุ่มปากช่อง ใครมีเต็นท์ต้องรีบมุดเต็นท์โดยเร็ว ใครมีเปลรีบกระโจนขึ้นเปล ใครไปไหนไม่ได้ต้องทนฟัง ความรู้สึกแรกที่ได้ฟังคือรำคาญ แต่พอฟังไปเริ่มได้คิดและได้คิดมากขึ้น คิดว่าจะไล่ให้มันเลิกยังไง?… กว่าเหตุการณ์จะสงบก็ดึกสงัดได้เวลาฟังเพลงเพื่อชีวิตจากพี่หน่องสมที่รอคอย คืนนี้เสียงแกดีไม่ดีไม่รู้แต่แกร้องได้ต่อเนื่องยาวนานดี มีพักยกบ้างแต่ก็ร้องจนฟ้าสาง น่าจะเป็นเพราะมีเมียมาคุม
เช้ามืดเราพากันไปริมหน้าผาอีกครั้งหวังว่าผู้อำนวยการสร้างหนังคนเดิมจะมีหนังดีๆ แบบเย็นวานให้ดูอีกแต่ก็ต้องผิดหวัง คู่พระคู่นางโฉบบินอยู่ไกลลิบ ที่อวดโฉมมีแต่พวกตัวประกอบ ทำให้พบเสน่ห์ของธรรมชาติอีกอย่างคือ ธรรมชาตินั้น…คาดหวังไม่ได้ กระนั้นพระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าก็ส่องแสงแดดสีส้มอ่อนฉาบไล้ผืนป่า สาดส่องแนวเขา ทาบทายอดไม้ อาบอุ่นมนุษย์ตัวจ้อยให้ได้อบแดดเช้าท่ามกลางป่าเขาอันยิ่งใหญ่และเย็นเยือก
ไม่มีเวลาใดเหมาะกับการเล่นน้ำเท่าตอนสายแดดแรงอย่างนี้อีกแล้ว น้ำในธารมีมากพอที่จะสร้างโตรก ตาด ให้เลือกเล่นตามชอบ ตาดน้ำขนาดกำลังดีห่างพอเห็นวิวหน้าผาสวยขณะเล่นน้ำนั้นต่อให้เอาสิบเอวาซองมาแลกก็ไม่ยอม สาวน้อยเล่นวงนึง หนุ่มๆ นั่งดูเอ๊ย! นั่งแช่น้ำรินเหล้าอีกวงนึง ไอ้ขาวน้อยก็เล่นน้ำเพลินสมกับที่มันเป็นหมาลาบราดอร์ ดูไปๆ มันคล้ายนากมากทีเดียว ได้พลังจากสายน้ำแล้วก็มาเติมพลังจากอาหารเช้าบวกเที่ยงกัน มื้อนี้มีเท่าไหร่ใส่ให้เรียบด้วยหวังว่าจะไม่ต้องแบกหนักตอนลงเขา(ก่อนจะรู้ว่าต้องผิดหวังอีกจนได้) อาหารจึงออกมาสุโค่ยมาก และแล้วหลังแค้มป์เรียบร้อยเตรียมเดินทางกลับ ฝนได้เทลงมา อีกแล้ว…
…อีกครั้ง ที่ต้องอ้อยอิ่งเหมือนรอฝนซา แต่จริงจริงแล้วรอทำใจ
…อีกที กับการต้องเดินกางเกงเปียกไปตลอดทาง….มันแสบ อย่าบอกใคร
ป.ล. จากครั้งนี้ทำให้มีคนถอนตัวจากสมอปูนไปได้หลายคน หรืออาจเลิกเข้าป่าไปเลย…โอม…
06 ต.ค. 11
เด้าลมหลังอาน
น้องๆ คนไหนที่จะไป”สมอปูน” แจ้งด้วยนะ
พี่อุ๊หมูอู๊ดเขียนเสร็จเร็วจังเลยอ่ะคะ ของมอร์ต้องรอบิ้วท์อารมณ์ก่อนอ่ะ อ่านของพี่อุ๊หมูอู๊ดไปพลางๆก่อนนะคะพ่อแม่พี่น้อง ^___^
สักวาแต่งกลอนตอนได้เที่ยว
ระริกรี้เดี๋ยวเดียวแล้วก็หาย
เรียนก็หนักเที่ยวยิ่งหนักเกือบจะตาย
แบกขึ้นเขาเหมือนควายเราทุกคน
ทั้งย่างย่ำปีนป่ายและเกี่ยวเกาะ
ทั้งหัวเราะร้องไห้กันทุกหน
มียาดมยาหม่องเป็นของตน
สูดดมจนลมออกข้างล่างเอย