ครั้งหนึ่ง ณ แก่งยาว (๑๑-๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗)…โดย ‘ต้าร์’
ข้าพเจ้านางสาวจิรนันท์ มะณีเติม(ต้าร์) ตลอดระยะเวลา ๓ คืน ๔ วันในการใช้ชีวิตการเดินป่าเป็นการเดินทางด้วยเท้าที่ท้าทายกับตัวเอง การเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งแรกในช่วงอายุ ๑๘ ปี การเดินทางครั้งนี้ทำให้ตัวต้าร์เองได้ใช้ชีวิตแบบคนส่วนรวมเป็นครอบครัวใหญ่ โดยตัวต้าร์เองตัดสินใจว่าจะร่วมเดินป่าในครั้งนี้โดยไม่ลังเลเมื่อวันที่ได้รู้ข่าวจากแพรว(เพื่อนร่วมสาขาERM) ว่ามีการเดินป่าไปแก่งยาว ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในวันที่ ๓-๘ มีนาคม ๒๕๕๗ ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าแก่งยาวนี่มันอยู่ส่วนไหนของอุทยานฯ แต่ในความคิดตอนนั้นคืออยากจะเห็นว่ามันเป็นยังไง เดินไปแล้วเราจะเห็นอะไรบ้าง และอีกเหตุผลที่ทำให้อยากจะไปก็คือการที่พลาดจากการเดินขึ้นสมอปูน
ต่อมาได้มีการประชุมชมรมว่าด้วยเรื่องผู้ที่จะไปเดินป่า ต้าร์ได้เข้าร่วมและลงชื่อผู้ที่จะไปอย่างเป็นทางการและได้มีการเปลี่ยนวันเดินทางไปเป็นวันที่ ๑๓-๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗ ในการประชุมครั้งนี้ก็ได้ทราบถึงจำนวนคนที่จะไปต้องเตรียมของอย่างไรต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไรโดยมีพี่แสนเป็นผู้แจ้งและเพื่อนๆ ที่เคยมีประสบการณ์ที่สมอปูนเล่าให้ฟัง จากนั้นทุกคนก็ได้จับบัดดี้ซึ่งในความคิดต้าร์คือใครก็ได้ที่จะมาเป็นบัดดี้ แต่พี่แสนบอกว่าเราต้องเลือกอย่าคิดว่าบัดดี้ไม่สำคัญ การมีบัดดี้ไม่ใช้แต่คอยให้เค้าช่วยเรา เราต้องคอยช่วยกัน การจับบัดดี้เพื่อให้รู้ว่าเรามีทั้งคนช่วยเราและเราก็ต้องช่วยเค้าอีกด้วย จากนั้นหลายวันจนมาถึงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๗ เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายคือวันที่ต้าร์และเพื่อนหลายคนสอบเสร็จพร้อมที่จะเดินทางกลับบ้านและนับวันรอที่จะได้ไปเดินป่า การประชุมครั้งนี้ก็เป็นการพบกันและนัดหมายสำหรับคนที่จะเดินทางไปกับรถคณะที่มมส. มีใครบ้างที่เดินทางจากบ้านของตนเองไปยังจุดนัดด้วยตนเองโดยคนที่เดินทางไปเองต้องมารอยังจุดนัด คือโลตัสปากช่องหรือเขาแคน สำหรับต้าร์บ้านอยู่สีคิ้ว-โคราช จึงเลือกที่จะเดินทางไปรอที่โลตัสปากช่องพร้อมเพื่อนคนอื่นๆ เมื่อใกล้ถึงวันที่จะเดินทางไปหมิว(เพื่อนร่วมสาขาERM) โทรฯ บอกว่าเลื่อนวันเดินป่าเข้ามาอีกเป็นวันที่ ๑๐-๑๕ มีนาคม ๒๕๕๗ เป็นการได้รับข่าวดีแต่ตัวเองยังไม่พร้อมเลย แต่ก็ต้องพร้อมรีบเก็บของเตรียมอย่างเร่งด่วน
เมื่อถึงวันเดินทางวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๗ ต้าร์เดินทางไปรอยังโลตัสปากช่อง เวลา ๑๒:๐๐ น. พร้อมกับเพื่อนๆ จากนั้นเราก็ไปเจอกันที่บ้านพัก เพื่อเตรียมของที่จะขึ้นเดินป่าใน วันที่ ๑๑ เมื่อมาถึงทุกคนต่างพากันส่งเสียงทักทาย ไหนกระเป๋าเป็นไงหนักไหม เมื่อตกตอนเย็นเราก็เริ่มแพ็คกระเป๋าเอาของทุกอย่างใส่ถุงดำแยกของกินของใช้ออกจากกัน เป็นการแพ็คกระเป่าที่ต้าร์เองเพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก ต้าร์นั่งมองของที่จะใส่ลงไปเพราะมันเยอะมากทั้งหม้อสนาม ข้าวสาร เนื้อหมู ผัก อื่นๆ อีกมากมายแต่ทุกคนก็ได้เท่าๆ กันบางคนอาจจะมากกว่าเราอีก เราต้องยัดไปให้หมด ขณะที่กำลังแพ็คอยู่นั้นก็มีพี่เดินมาถามว่าไหนพี่ดูกระเป๋าต้าร์หน่อยสิ แล้วแกก็พูดว่า “ขาด ขาดพี่ว่าขาดแน่” จ๋อยเลย..! เอ้าทำไงที่นี้ แล้วพี่แกก็เดินหายไปในห้อง ต้าร์ยังคงยัดของใส่กระเป๋าต่อไป โดยยังกังวลอยู่กับคำพูดของพี่แต่คิดว่าขาดก็ขาดเย็บเอา เดินทางครั้งแรกเก็บเป็นประสบการณ์ หลังจากนั้นไม่นานพี่ก็เดินกลับมาพร้อมกระเป๋าใบหนึ่งเป็นใบที่ใหญ่กว่าเดิมและมีสารพัดสิ่งของที่ค้างอยู่ในกระเป๋า กระเป๋าใบนั้นเป็นของลุงแขก เป็นการได้กระเป๋าใบใหม่ที่ทั้งดีใจและหนักใจไม่แพ้กัน เพราะคำพูดที่ว่า“เอ็งห้ามทำของข้าขาดนะข้าใช้เฉพาะเดินทางไกลๆ น่ะใบนี้” คำพูดแรกที่ต้าร์เห็นกระเป๋า “ป้าด..พี่มันคือใบใหญ่แท้” แต่ก็รับเอามาเมื่อแพ็คทุกอย่างแล้วแทบจะใส่ไม่หมด ถุงนอนของต้าร์มันก็คงต้องยังออกมาอยู่ข้างนอกกระเป๋าเหมือนเดิม ค่ำคืนของวันนี้ก็จบลงด้วยการอาบน้ำแยกย้ายกันเข้านอน เพื่อรอเช้าวันใหม่ที่เราจะขึ้นเดินป่ายังที่หมายนั้นก็คือ แก่งยาว ณ เขาใหญ่
เช้าวันใหม่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗ ตื่นเช้าเข้าคิวอาบน้ำแปรงฟันเตรียมพร้อมเดินทางโดยรถยนต์ไปยังจุดที่จะเดินป่า ภารกิจก่อนที่จะไปเดินป่าต้าร์ยังคงได้ไปตลาดเช้ากับหมิวเพราะยังคงมีของที่ขาดนั่นคือ พริก และหาซื้อหมูปิ้งสำหรับอาหารเช้าของทุกคนแต่แล้วก็ไม่มีเลยกลับมา ทุกคนก็เตรียมของขึ้นรถพร้อมเดินทางกันทุกคนระยะเวลาในการเดินทางเริ่ม ๑๐:๐๐ น. นั่งรถจนเมื่อยจนหลับตื่นมายังไม่ถึง ขึ้นลงเขาโค้งก็เยอะก่อนจะถึงยังเจอถนนดินแดงฝุ่นเยอะมาก และแล้วก็มาถึงทางที่เราจะเดินประมาณ ๑๑:๐๐ น. เราได้นั่งรอพี่เจ้าหน้าที่ ที่จะพาเราขึ้นไประหว่างรอ อาจารย์นพได้พูดคุยแนะนำการใช้ชีวิตในป่าเนื่องจากอาจารย์ท่านเคยมีประสบการณ์มาก่อนเป็นการรอที่แสนสุขสนุกสนานพูดคุยกันอยู่ตลอดและเมื่อรอยู่นานพี่ๆ ก็พากันมาถึงพร้อมแจกข้าวคนละกล่องคิดว่าจะได้กิน ลุงแขกบอกยังไม่ให้กินตอนนี้เดี๋ยวเราไปกินตรงที่พัก โอ้!..แล้วจะเอาไปยัดใส่ตรงไหนนี่กระเป๋าเต็มไปหมดยังดีที่เพื่อนยังมีที่ว่างเลยฝากไปกับทราย พอถึงเวลาเดินทางจริงๆ ก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีกไม่รู้ว่าเดินไปจะได้เจอได้เห็นอะไร!!! เราเริ่มเดินเท้ากันตอน ๑๒:๐๐ น. ก่อนออกเดินเท้าเราได้รู้จักน้องและพี่เจ้าหน้าที่เพิ่มอีกนั่นก็คือพี่มินและน้องเซฟ,น้องมะ จากนั้นเราก็เริ่มออกเดินพอยกกระเป๋าขึ้นไหล่ทั้งสองข้างเท่านั้นเองแทบอยากจะยกออกเลยทีเดียว มันหนักเป็นกระเป๋าที่หนักจนเกินคำบรรยาย แต่คิดว่าหนักก็ต้องแบกเพื่อจุดหมายที่อยากจะไปเห็นเดินเข้ามาเรื่อยๆ นานมากกว่าจะถึงที่พัก และพี่เจ้าหน้าที่ก็เดินเร็วมากเดินไม่ค่อยทันจนลุงแขกบอกไม่ต้องรีบ เดินตามทางไปเรื่อยๆไม่แน่ใจทางตรงไหนก็หยุดรอแล้วกันเมื่อเดินมาถึงทางขึ้นเขา ป้าด..!!!!มันชันมากในความคิดต้าร์จะก้าวแต่ละก้าวยากมากๆ กระเป๋าก็ยังดึงหนักอยู่บนหลังอีก โอ้ยหน้อ..! และถึงที่พักที่แรกเป็นการพักที่ดีใจมากๆ ทิ้งตัวลงอย่างไม่กังวลว่ากลัวเปื้อนเลย นั่งลงทั้งๆ ที่กระเป๋ายังคงอยู่บนหลังที่พักตรงนี้เองที่ต้าร์ได้ชื่อเล่นใหม่อีกชื่อว่า(สี่เขี้ยว)จากอาจารย์นพ:เป็นไงเจ้าสี่เขี้ยว ต้าร์ได้แค่๕๕๕++เหนื่อยค่ะปวดไหล่ด้วย
พักพอหายเหนื่อยก็เริ่มเดินต่อไปสักพักก็ถึงที่พักกินข้าวเที่ยงเป็นการกินข้าวเที่ยงเวลาบ่ายสอง มื้อแรกของทริปนี้คือข้าวไข่เจียวใส่กล่องที่ห่อขึ้นมานั่นเอง หลังจากพักกินข้าวเสร็จเราก็เริ่มออกเดินทางกันอีกครั้งเดินไปเรื่อยๆ จนถึงยังจุดหมายนั่นคือแก่งยาวพอมาถึงต้าร์ได้รับภารกิจก่อไฟกับแพรวเพราะเรามาถึงเป็นกลุ่มแรกและกลัวมันจะค่ำ เมื่อทุกคนมาถึงเราก็ช่วยกันตั้งแคมป์ หุงข้าวทำกับข้าว หลังจากรับประทานเสร็จเราพากันไปล้างจาน เป็นอ่างล้างจานที่ใหญ่มากๆเพราะพากันไปล้างลำธารน้ำตก จากนั้นก็ไปอาบน้ำเย็น น้ำที่อาบเย็นมากๆ สดชื่นสุดๆ ค่ำคืนนี้เราแบ่งเวรกันต้าร์ได้อยู่เวรช่วงที่ ๒ คือ ๐๒:๐๐-๐๔:๐๐ น.การตื่นมาอยู่เวรช่วงนี้ง่วงสุดๆ แต่ยังดีที่มีน้องๆ มาเล่นกีต้าร์ให้ฟังแก้ง่วง อาหารแก้ง่วงก็อร่อยไม่แพ้กันนั้นคือมันเผาโดยฝีมือพี่มีน(พี่คณะวิทย์)
เช้าวันใหม่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗ วันนี้ตื่นมาแปรงฟันรับประทานอาหารเช้าเวลา ๑๐:๐๐ น. เป็นอาหารเช้ามื้อแรกท่ามกลางผึ้งตอม ผึ้งเยอะมากๆ ตอมอาหารและตัวเราต้าร์กลัวมันต่อยมากแต่อาจารย์นพบอกเค้าแค่ตอม ตามสัญชาตญาณของสัตว์ถ้าเราไม่ทำร้ายเค้าเค้าก็ไม่ทำร้ายเรา จากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จทุกคนก็เตรียมอาหารของไปเล่นน้ำตกที่อยู่ห่างจากแคมป์ไม่มากนักพอไปถึงลงเล่นกันอย่างสนุกสนานสุดๆ เล่นไปเรื่อยก็ไปถึงน้ำตรงที่ลึกต้าร์
นั้นว่ายน้ำเป็นอยู่แล้วเลยไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไรเล่นได้สนุกสนานมากๆ ได้พาเพื่อนๆ ข้ามไปอีกฝั่งอย่างปลอดภัยวันนี้เราก็กลับมายังที่พักก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ต้าร์ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลยได้รับภารกิจหลายอย่างเลยในเย็นนี้ได้ก่อไฟ หุงข้าวที่แพรวตวงให้ ทำกับข้าวจนได้ฉายาว่าเชฟกระทะเหล็ก เพราะระหว่างผัดอยู่นั้นไฟมันลุกติดกระทะเป็นระยะๆ อาหารมื้อนี้ข้าวหมดก่อนไม่ค่อยอิ่มเท่าไร จากนั้นเราก็อาบน้ำเข้านอนคืนนี้ต้าร์อยู่เวรช่วงที่ ๓ ได้นอนยาวตื่นเข้าเวร ๐๔:๐๐-๐๖:๐๐ น.พร้อมทำกับข้าวอีกมื้อ
เช้าวันใหม่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗ นี้ต้าร์ เพื่อน พี่มีน พี่ลองกองได้ช่วยกันทำ สิ่งแรกที่ทำคือหุงข้าวต้าร์พาป๊อปไปตวงข้าวที่ลำธาร เราพากันเถียงตกลงเรื่องระดับน้ำกันอยู่นานจนพี่มีนมาถามเป็นไงหน้อคนหุงข้าว๕๕๕+ ผลการหุงข้าวเป็นที่ประทับใจข้าวสุกสวยงามอร่อยไม่แพ้มื้ออื่นๆ ค่ะ วันนี้เราก็รับประทานอาหารเช้าทุกวันพร้อมผึ้งเสมอ หลังจากเรารับประทานอาหารเสร็จเราก็เตรียมไปเล่นน้ำกันเหมือนเคย แต่วันนี้เรามีประสบการณ์จากเมื่อวานไม่ต้องขนชุดไปเปลี่ยน เอาแต่ของกินไปเยอะๆ เป็นพอเพราะเราเล่นน้ำกันทั้งวันเหนื่อยก็ขึ้นมาพักแล้วเล่นต่อจนไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย วันนี้เป็นการเล่นน้ำที่ได้ประโยชน์มากเพราะได้ช่วยแน็กเปิดคอร์สสอนว่ายน้ำให้กับแพรวและทรายสอนกันอยู่นาน ทรายมีทีท่าว่าจะว่ายได้ แต่ก็นับถือแพรวใจเอาสุดๆ กินน้ำไปหลายอึกยังใจสู้ไม่ท้อ การเปิดคอร์สครั้งนี้ถึงจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความทรงจำที่ดีๆ ที่ทุกคนคอยเป็นห่วงซึ่งกันและกัน ได้เห็นความมุ่งมั่นของใครหลายๆ คนที่อยากจะว่ายให้เป็น ความสุขย่อมมีวันเลิกราเมื่อถึงเวลาอันสมควร เมื่อพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าเราก็ต้องกลับไปยังแคมป์ทำอาหาร ทำภารกิจส่วนตัวของแต่ละคน เนื่องจากวันนี้สระผมจนแชมพูหมดขวด ต้าร์เลยพยายามอยู่ห่างกองไฟรู้สึกเหมือนตัวเองจะป่วยอีกด้วย และไม่มีแชมพูที่จะสระอีกแล้วและยังคงต้องเดินทางอีกพรุ่งนี้ วันนี้เลยไม่คอยได้ช่วยเพื่อนทำอาหารสักเท่าไร แต่อาหารมื้อนี้ก็อร่อยเพราะเป็นฝีมือผู้ชายนำทีมโดยลุงแขก ต้มยำที่เมื่อเย็นแล้วเปรี้ยวขนาดต้าร์ตักเจอแต่มะขามเปียกทั้งนั้นหาเนื้อไก่แทบไม่เจอ เป็นการระบายของเสบียงออกที่คุ้มค่าจริงๆ คืนหลังจากรับประทานอาหารเสร็จล้างจานเรียบร้อย ต้าร์ได้มานอนพักผ่อนดูดาวอยู่บนลานหินคุยกับนกและป๊อปและเพื่อนคนอื่นๆ เป็นอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนจากนั้นพี่แสนได้เรียกรวมพูดถึงความประทับใจ วินาทีนั้นพูดได้ไม่เยอะเพราะตื่นเต้นตอนนั้นตอบได้แค่ว่าทริปนี้ตั้งใจที่จะมาและสนุกจริงๆ ต้าร์จึงอยากบอกว่า
สำหรับต้าร์ การมาเดินทางในครั้งประทับใจในหลายๆ อย่างทั้งเพื่อนที่คอยช่วยน้องที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็คอยช่วยถือกระเป๋าย่ามให้ตอนที่ต้าร์ข้ามขอนไม้ไม่ได้บัดดี้ที่คอยเดินไปพร้อมๆ กันถึงจะรอบ้างไม่รอบ้างในบางครั้ง ประทับใจในอาหารทุกๆ มื้อประทับใจอ่างอาบน้ำที่ใหญ่สุดๆ ประทับใจที่ตัวเองเดินทางมาถึงยังเป้าหมายที่แสนจะสวยงาม ธรรมชาติที่เงียบสงบเป็นความทรงจำที่ช่วงชีวิตนี้ไม่เคยมีมาก่อนและอีกสิ่งหนึ่งประทับใจเสียงเพลงที่กล่อมเราก่อนนอนทุกคืนโดยลุงแขก ยังมีอีกหลายๆ ความประทับใจที่บรรยายไม่ถูก คืนนี้เราเฝ้าเวรกันทุกคนจนถึงตี ๐๑:๐๐ น. ต้าร์ง่วงมากนั่งหลับ รู้สึกว่าตัวเองได้ยินเสียงแพรวพูดว่าต้าร์มันเหนื่อยนอนๆ ลงไม่เป็นไร จากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรเลยจนตื่นเช้ามา
เช้าวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗ ต้าร์ตื่นมาตอนแต่เช้าทุกคนยังคงนอนหลับกันอยู่แต่มีเพื่อนคนที่เข้าเวรลุกขึ้นมาหุงข้าว ต้าร์ก็ลุกมาช่วยนั่งเล่นว่างๆ รอข้าวสุกได้มีโอกาสถ่ายภาพบรรยากาศยามเช้าจากกล้องน้องที่ลืมไว้ ถ่ายไปได้สักพักแบตเตอรี่กล้องหมดน่าเสียดายมากๆ วันนี้ได้กินอาหารเช้าจากหลายคน โดยแพรวผัดหมูหวานที่ใส่พริก ไม่เคยกินเมนูนี้อร่อยดีเหมือนกัน วันนี้เรากินอาหารเช้าจริงๆ ๐๙:๐๐ น. เพราะเราต้องเตรียมของเพื่อเดินทางกลับถึงเวลาแจกของที่เหลือกลับกันอีกครั้ง ทุกคนต่างพากันไม่ห่างจากกระเป๋าเพราะเราอาจจะได้ของเพิ่มขึ้น๕๕๕+ เราเดินทางออกมาเรื่อยๆ การเดินกลับในครั้งนี้เป็นการเดินลงเขาไม่เหนื่อยเหมือนตอนเดินขึ้นมา แต่ต้องคอยยั้งตัวเองไว้ ถ้าล้มลงคงตำเพื่อนคนข้างหน้าแน่ๆ เดินไปเรื่อยคุยกันไปไม่คอยบ่นเหมือน
ตอนมากันสักเท่าไร จนถึงที่พักกินข้าวตอนเที่ยงพอได้ยินเสียงเพื่อนที่ไปถึงก่อนเท่านั้นและใจไปถึงที่แล้วแต่ขาสิสะดุดเกือบจะล้มเลยเรา พี่ลอง พี่มีนบอกน้องต้าร์ใจเย็นเดียวก็ถึง๕๕๕+ พอมาถึงใครมีของกินที่กินได้เลยบ้างตอนนี้ พอดีต้าร์ยังมีขนมคุกกี้อยู่ห่อหนึ่ง เราแบ่งกันกินคนละชิ้นเพิ่มพลังก่อนระหว่างรอก่อไฟต้มน้ำเพื่อทำอาหารรอทีมที่เดินมาที่หลัง อีกไม่นานทุกคนก็เดินมาถึงข้าวเที่ยงมื้อนี้เป็นมื้อสุดท้ายในป่าที่เราจะรับประทานร่วมกัน หลังจากนั้นเราพากันเดินไปคุยกันไปเหมือนเคยเห็นอีกที่มีพี่เป็นลมล้มลง วินาทีนั้นช่วยกันปฐมพยาบาลแกจนแกฟื้นขึ้นแกบอกไม่เป็นไรจึงค่อยๆ ให้แกเดินตามมาทีหลังโดยมีพี่คอยดูแลอยู่ ต้าร์เดินนำออกมาก่อนกับเพื่อนอีกส่วนหนึ่งเดินมาสักพัก จนถึงแล้วมีเพื่อนกับพี่บางส่วนที่มาถึงก่อนพร้อมกับพี่เจ้าหน้าที่ ดีใจที่เดินมาถึงเป็นกลุ่มสองแต่พอบอกพี่เจ้าหน้าที่และพี่ๆ ว่ามีพี่เป็นลม พี่เจ้าหน้าที่ก็เลยเดินกลับเข้าไปดูอยู่นานเหมือนกัน จนมีรถมารับอีกคันคือรถพี่อั๋นรถคันนี้เป็นรถมหัศจรรย์มีโค้กเย็นๆ มาให้ดื่มแล้วสดชื่นที่สุดค่ะนั่งพักนั่งคุยอยู่นานก็มีลุงแขกเดินออกมาคนเดียวแล้วบอกว่าพี่ลองยังไม่โอเค ต้าร์กับเพื่อนเดินกลับเข้าไปดูพี่เค้ากับเพื่อนอีกครั้ง พอไปถึงเห็นพี่เค้า ตกใจมากไม่คิดว่าพี่ลองจะเป็นหนักขนาดนี้ก็เลยเอาน้ำแข็งที่ถือเข้ามาซับผ้าเช็ดให้พี่เค้ากับเพื่อนอีกหลายคนที่คอยช่วยพี่ลอง พากันออกมาจนถึงที่พักอย่างปลอดภัยเป็นอีกประสบการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
ท้ายที่สุดนี้สำหรับการเดินทางในครั้งนี้มีอีกหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างที่บรรยายออกมาไม่ถูกมันเป็นความทรงจำที่ดีๆ ที่ช่วงชีวิตนี้ไม่เคยมีมาก่อน หวังถ้าต้าร์ได้มีโอกาสจะกลับมาสัมผัสกับบรรยากาศความรู้สึกแบบนี้อีกนะคะ ขอบคุณทุกคนไม่ว่าจะเป็นพ่อ-แม่ที่เข้าใจ เพื่อน พี่ น้องผู้ร่วมทริปทุกๆ ที่ทำให้ฝันของเด็กคนหนึ่งที่ชื่อต้าร์เป็นจริง(เด็กมีความฝันเช่นดาว^__^)