การเดินทางเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ว่าเราจะดำเนินอะไรอย่างไรในชีวิต เราก็มีการเดินทางเป็นส่วนประกอบด้วยทุกเมื่อ และการเดินทางแต่ละครั้งของเรา ย่อมมีอุปสรรค ขวากหนาม บ้างเป็นธรรมดา ถือว่าเป็นสีสันของการเดินทาง มีเพื่อนร่วมทาง ที่เดินทางมาด้วยกันเป็นส่วนหนึ่ง ค่อยให้ความช่วยเหลือเรา อาจมีล้มลุกคลุกคลาน แต่เราก็ยังมี เพื่อนร่วมทาง ที่ช่วยเหลือกันมาเสมอ ระหว่างการเดินทาง ถ้าเราเดินทางไปในที่ซ้ำๆ เดิมๆ มันอาจจะดูน่าเบื่อ จำเจ บางครั้งเราอาจจะเดินไป ในทางใหม่ดูบ้าง เราอาจจะเห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น อาจจะเจอในสิ่งที่ไม่เคยเจอ ก็เป็นได้ อาจจะเจอสิ่งแปลกใหม่ ที่ทำให้เราได้รู้ว่า จากที่เราได้เลือกเดินทางมา ทางนี้ มันไม่ใช่ทางที่ผิด แต่มันเป็นทางใหม่สำหรับคนที่เบื่อหน่ายกับทางเดิมๆ ใช่ชีวิตอยู่กับทางจำเจเก่าๆ
การเดินทางครั้งนี้ก็เช่นกัน เราได้ไปเดินป่าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สู่เขาสมอปูน จังหวัดปราจีนบุรี เราเริ่มเตรียมสิ่งของ ที่จะนำขึ้นไปเดินทางบนเขาใหญ่ ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่บ้านของรุ่นพี่คนหนึ่ง ได้มีการเตรียมสิ่งของต่างๆ ใส่กระเป๋าใบใหญ่ ใครที่ซื้อของอะไรมาได้นำออกมา รวมกับของทุกคนเพื่อกระจาย สิ่งของแบ่งใส่กระเป๋า เท่าๆกันทุกคน จะได้ไม่เป็นการไม่เอารัดเอาเปรียบกัน เมื่อเราได้เตรียมสิ่งของที่จะนำไปนั้นใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาที่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราได้ซื้อหมูกระทะมาทานกันอย่างอร่อย อิ่มกันถ้วนหน้าถ้วนตาแล้ว ก็ถึงเวลาหลับนอนของพวกเรา เพื่อที่จะเก็บแรงเอาไว้เดินทางในวันพรุ่งนี้
เมื่อรุ่งเช้า ตะวันสาดแสง ได้เวลานักเดินทางสู่ป่ามรดกโลก ณ อุทยานยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งทางจังหวัดปราจีนบุรี รถได้มารับเราออกเดินทางจาก มุ่งสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถึงจุดออกเดินป่าประมาณ เกือบเที่ยง พอดี นั่นแหละครับช่วงเวลาที่เราออกเดินทางสู่เขาสมอปูน เราเริ่มเดินกันตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยง ช่วงเวลาแห่งการเดินสู่เส้นทางใหม่ของเราได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เราออกเดินทางมาเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ผมก็ได้รับรู้ถึงรสชาติความเหนื่อยแล้ว
เหงื่อนี่ไหลเต็มเสื้อไปหมด ทั้งขึ้นเขาลงห้วยจนเวลาผ่านไป ๓ ชั่วโมง ถึงจุดหยุดพักแรกคือ คลองต้มกาแฟ เราได้มีเครือข่ายของเราขึ้นมาจากทางจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเดินทางมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว ความรู้สึกเมื่อเดินทางมาถึงคลองต้มกาแฟ ซึ่งเป็นจุดพักใหญ่ ผมแทบจะเป็นลม อารมณ์ในตอนนั้นไม่ค่อยเหนื่อยแต่มันเมื่อยที่เดินมา ตลอด ๓ ชั่วโมง เมื่อยทั้งขา เมื่อยทั้งไหล่ ที่แบกกระเป๋าน้ำหนักเกือบ ๓๐ กิโลกรัม นั้นแหละครับคือ เหตุที่ทำให้ผมเมื่อยมากๆ จากนั้นเราก็เดินทางต่อ เราก็พักตามทางมาเรื่อยๆ ทางที่เริ่มยากขึ้นเริ่มเมื่อยมากขึ้น แสงตะวันก็เริ่มอ่อนแสงลง จนมืดสนิท เราก็ยังเดินทางไม่ถึงจุดหมายสักที จนถึง ๕ ทุ่ม เราจึงถึงที่พัก ความรู้สึกแรกโล่งใจที่แบกชีวิตมาถึงได้ แล้วเราก็จัดเตรียมกางเต็นท์ พอเสร็จผมนอนก่อนเลยน้ำไม่อาบด้วยทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย หลับใหลในยามราตรี
พอเช้าตรู่ วันต่อมาผมก็ตื่นมายามเช้าอันแสนจะสดชื่น ข้างที่พักเรามีลำธารเล็กๆ อยู่ ได้อาศัยเป็นที่สำหรับน้ำดื่ม น้ำใช้ ล้างจาน หุงข้าว อาบน้ำ ทุกอย่าง เราต้องพึ่งลำธารเล็กๆ จนถึงวันที่ ๓ ของการเดินทาง เราได้เดินทางไปเล่นน้ำที่ห้วยแห่งหนึ่ง ซึ่งเดินทางห่างออกไปจากที่พัก ๓ กิโลเมตร เป็นห้วยที่ไหลมาจากต้นน้ำเขาใหญ่ บรรยากาศตอนนั้นน้ำเย็นมาก หนาวจนผมสั่น เล่นจนเกือบเป็นไข้ แล้วเราก็ได้เดินทางกลับมายังที่พัก พอถึงตอนเย็นเราได้เดินไป ทุ่งดอกไม้คือ ดอก
กระดุมเงิน กระดุมทอง และดอกไม้อีกมากมายนานาชนิด ที่ผมไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จัก จนมาถึงวันที่ ๔ ได้เดินทางกลับ มีพิธีขอขมารอบกองไฟ โดยให้คนที่ยังไม่เคยขึ้นมาสมอปูนได้ลาโดยให้ยืนรอบกองไฟ แล้วหลับตา จากนั้น พวกพี่ๆ ก็นำน้ำมาสาดกองไฟ จนดับถือเป็นการเสร็จพิธีลา การเดินทางในครั้งนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจมาก และในการเดินทางครั้งนี้ก็จบลงไปด้วยดี
โดย นายพุฒิพงษ์ ภาคภูมิ ม.สารคาม
ชมรม สิ่งแวดล้อมเพื่อชุมชน