ความทรงจำ การขึ้นเขาสมอปูน

IMG_8617   ขึ้นเขาสมอปูน ทราบเรื่องมาจากพี่ๆ ที่เขาใหญ่ทางอินเทอร์เนต วันที่ ๑๙ – ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ เมื่อดูตารางวันหยุดก็ตรงกับปิดเทอมพอดี เพื่อนๆ มาด้วยก็เลยตัดสินใจมากัน การเตรียมตัวมาที่เขาสมอปูน มีเสื้อผ้า อาหารแห้ง เต็นท์ และที่ขาดไม่ได้ก็คือกล้องถ่ายรูป  เพราะมาขึ้นเขาทั้งทีต้องมีธรรมชาติที่สวยงามที่สามารถเก็บเป็นรูปภาพมาให้พ่อแม่ และเพื่อนๆ ได้ดูกัน
IMG_8574วันที่ ๑๙ ตุลาคม ตื่น ๐๖.๐๐ น. กว่าจะออกรถก็สายแล้ว เมื่อมาถึงที่เขาใหญ่ก็วัดความดันเพื่อดูว่าความดันสูงหรือต่ำไปไหม เป็นการตรวจความพร้อมของร่างกายสำหรับการขึ้นเขาสมอปูน จากนั้นรถพาไปตรงทางเข้า ขนเป้ อาหารแห้ง และยาใส่หลัง โห! หนักมาก แต่พอมองอาจารย์ผู้หญิงที่มาด้วย อาจารย์ขนของหนักกว่าอีก ตอนที่เดินเข้าไปเป็นทางเรียบยังไม่ต้องปีน มองทางซ้ายมือมีลำธารไหลตลอดทางยาว เมื่อมองทางขวามือเห็นแต่ต้นไม้IMG_2367ขึ้นหนาทึบมาก ตลอดทางที่เดินผ่านมาเป็นทางเล็กๆ แคบๆ ที่เดินผ่านได้แค่คนเดียวไม่สามารถเดินสวนกันได้ และเท่าที่ดูต้นไม้ถูกเหยียบไปหลายต้นเลย เดินอยู่นานมาก เหนื่อยมากเพราะไม่เคยเดินแล้วแบกเป้ที่หนักขนาดนี้  ทำให้เหนื่อยง่ายขึ้น หยุดพักบ่อยขึ้น เดินอยู่นานประมาณ ๑ ชั่วโมงก็เจอลำธารที่ตัดขวางเส้นทาง มีโขดหิน และก้อนหินตามทางเดินของน้ำ พี่ที่นำทางเรียกว่า คลองต้มกาแฟ เพราะใครที่เดินผ่านเส้นทางนี้ต้องหยุดพักและดื่มกาแฟ เมื่อวางเป้ลง_MG_8430แล้วรู้สึกสบายขึ้นมาก น้ำเย็นมากล้างหน้าแล้วรู้สึกเย็นสบาย จากนั้นก็นั่งรอ แล้วก็ถ่ายรูป ภาพที่ได้ดูเป็นธรรมชาติมาก เพราะเป็นภาพที่ได้จากของจริงไม่ต้องเติมแต่ง  เมื่อเพื่อนจากกลุ่ม ๒ มาถึง สักพักก็เริ่มเดินทางกันต่อ พี่บอกว่าทางที่ไปต่อต้องปีนเขาแล้ว ฉะนั้นจึงต้องมัดของใหม่ให้ติดอยู่ที่หลัง ไม่ให้ถือเพราะจะทำให้ปีนไม่สะดวก จากนั้นก็ปีนเขาไปเรื่อยๆ มีเส้นทางหนึ่งปีนยากมาก กว่าจะขึ้นไปได้ แล้วก็มีคนที่อยู่ข้างล่างตะโกนบอกว่า “ไปผิดทาง อ้าว แล้วลงยังไง กว่าจะขึ้นไปได้” เดินไปเรื่อยๆ จนมืด อากาศเย็นมาก พอมองตลอดทางที่มืดมีแต่แสงจากไฟฉาย จากนั้นก็กินข้าวเย็น พี่ๆ ก่อไฟเก่งมาก เดินไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่ถึง สักพักได้ยินเสียงน้ำไหล ถึงที่พักสักที พี่ๆ ก่อกองไฟ ปูผ้าใบ บางคนก็ผูกเปลนอนเป็น ๒ ชั้น มัวแต่เดินหาที่กางเตนท์อยู่ กว่าจะได้อาบน้ำ จัดของ แล้วนอนก็เกือบตี ๑ แล้ว

DSC_3726IMG_8817วันที่ ๒๐ ตุลาคม ตื่น ๐๗.๐๐ น.  ง่วงมากแต่อากาศสดชื่น ไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็ช่วยพี่ล้างผัก พี่บางคนตื่นเช้ามากเพื่อมาหุงข้าว และทำกับข้าว  เมื่อกินข้าวเสร็จก็เย็บกระเป๋าและรองเท้าที่ขาด จากนั้นก็จัดของ ถ่ายรูป  เจอกล้วยไม้ที่ขึ้นอยู่บนโขดหิน มีดอกไม้สีสันสวยงามแปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทิวทัศน์ยามเช้าสวยมาก เพราะตอนกลางคืนมืดมากมองไม่เห็นบรรยากาศรอบๆ จากนั้นก็ฟังพี่ๆ เล่าถึงประสบการณ์และทำความรู้จักกัน มีการแบ่งหน้าที่และกิจกรรมของแต่ละคน เป็นการฝึกการช่วยเหลือกัน การมีน้ำใจ ความมีมารยาท จากนั้นช่วงเย็นก็ไปทำกิจกรรมที่ให้เข้าใจ หวงแหนและรักธรรมชาติ มองธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่คิดทำลายแต่ให้เรียนรู้และอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างมีความสุข พี่อ๋อ แบ่งให้จับคู่บัดดี้โดยไม่ให้ซ้ำสถาบันกันเพื่อให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้เพื่อนใหม่ และได้ช่วยเหลือกันในยามที่อยู่ในป่า แต่ไม่มีคู่บัดดี้IMG_8659เพราะเหลือเศษพอดี ก็เลยอยู่คนเดียวฟังเพื่อนๆ แต่ละคนที่ได้เห็นมุมมองธรรมชาติที่สวยงามว่าเป็นอย่างไรแล้วมาเล่าความประทับใจให้ฟัง พอจบเกม มีเพื่อนคนหนึ่งพึ่งมาบอกว่ายังไม่มีคู่บัดดี้ พี่อ๋อบอกว่าเหลือคนหนึ่งพอดี เลยได้เป็นคู่บัดดี้กันชื่อ คิง คิงตัวใหญ่มาก ดูโต กว่า แล้วก็ทำอะไรคล่องแคล่ว พี่อ๋อ บอกว่า “พอดีเลยมาเย็บรองเท้าให้บัดดี้ด้วย ฮามาก”  เมื่อนอนลงบนหิน เห็นท้องฟ้ามีหลายสี เป็นสีที่เกิดจากแสงที่ค้างอยู่บนท้องฟ้าก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า เห็นฝูงนกบินกับรังจากการออกหากิน

IMG_8684IMG_8643จากนั้นก็เดินกลับที่พักกัน ทางมืดมากอาศัยแสงไฟจากไฟฉายเพื่อนคนอื่น  การเข้ามาในป่าครั้งนี้ทำให้รู่ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการการพึ่งพาอาศัยไม่สามารถอยู่คนเดียวได้  เมื่อมาถึงที่พักก็กินข้าวเย็น ช่วยล้างจาน อาบน้ำแล้วก็เข้านอนประมาณ ๒๒.๐๐ น. อากาศเย็นมาก รู้สึกเย็นเข้าไปถึงกระดูก

DSC00260_MG_8654วันที่ ๒๑ ตุลาคม ตื่น ๐๔.๐๐ น.  ง่วงมากฟ้ายังมืดอยู่เลย ตื่นมาเปลี่ยนเวรเฝ้ากองไฟ ง่วงก็ง่วง และต้องอยู่ต่อจนถึงเช้าเพราะต้องช่วยเพื่อนทำกับข้าวเช้า จากนั้นก็ล้างหน้า แปรงฟัน กินข้าวเช้า ล้างจาน แล้วเอารองเท้าไปให้พี่เย็บ เพราะต้องใส่เดินต่อไปที่คลองฟันปลา ซึ่งอยู่ไกลจากที่นี่ ไปขอยืมเข็มกับด้ายจากพี่แขก แล้วเอามาให้อาจารย์เย็บให้ อาจารย์เย็บได้นิดเดียวเพราะรองเท้าแตกเยอะมาก แล้วเพื่อนๆ จะเดินทางไปกัน_MG_8933แล้ว  มีเพื่อนคนหนึ่งเอารองเท้ามาให้ยืม เป็นรองเท้าคอมแบ็ค เขาช่วยผูกเชือกรองเท้าให้ด้วย พอลุกขึ้นยืนเซเลย จากนั้นก็เริ่มเดินทางไป โห! มีต้นไม้ล้มขวางทางอยู่ ต้องยกขาข้ามไป  ยกแรกๆ  ก็ไม่เท่าไร  พอหลังๆ  ยกข้ามบ่อยมาก  ปวดตึงขามาก  เดินไปเรื่อยๆ  ก็มาถึง  คลองฟันปลา เป็นน้ำตกที่น้ำไหลตลอดทางยาวลงไปสุดลูกหูลูกตา  มีโขดหินมากมายอยู่ในน้ำไว้สำหรับเดินข้ามไป ธรรมชาติเป็นสิ่งที่สวยงามมากมันไม่ได้ถูกจัดสร้างขึ้นโดยมนุษย์  แต่เป็นการจัดวางเป็นการเคลื่อนที่ของธรรมชาติ น้ำเย็นมาก มีเพื่อนๆ ว่ายน้ำกัน พี่บางคนไม่ได้ลงเล่นน้ำ ก็ก่อกองไฟสำหรับต้มกาแฟและทำอาหารกลางวัน  เล่นน้ำกันหลายชั่วโมง กินข้าวกลางวัน แล้วก็เดินทางกลับที่พัก  ถึงที่พักก็เย็นแล้ว เมื่อเก็บของเสร็จก็รีบไปอาบน้ำ เดินไปไกลมาก น้ำเย็นสบายตัว จากนั้นก็กินข้าวเย็นแล้วก็ช่วยกันล้างจาน มานั่งฟังพี่ๆ เพื่อนๆ ร้องเพลง ดีดกีตาร์ข้างๆ กองไฟ และอากาศที่เย็นสบาย สักพักก็ไปนั่งดูดาวกับเพื่อน เพื่อนก็เล่าประสบการณ์ต่างๆ ให้ฟังแลกเปลี่ยนกันน่าสนุกมาก ถึงจะอายุเท่ากันแต่เค้าดูเป็นผู้ใหญ่กว่าทั้งความคิด การพูด พออากาศหนาวมากจึงชวนเพื่อนกลับที่พัก แล้วเข้านอน_MG_8888_MG_9247วันที่ ๒๒ ตุลาคม ตื่น ๐๔.๐๐ น.  ง่วงมากตื่นมาเปลี่ยนเวรเฝ้ากองไฟ อากาศเย็นสบาย ช่วยเพื่อนทำกับข้าวเช้า ล้างหน้า แปรงฟัน กินข้าวเช้า แล้วก็เก็บของใส่เป้  เก็บเต็นท์ รู้สึกหนักเหมือนกับตอนที่มาเลย ช่วยพี่เก็บผ้าใบ เก็บจาน อาจารย์นพให้คำแนะนำในการอยู่กับป่า การไม่ทำลายธรรมชาติ การรู้จักหวงแหนทรัพยากรอันมีค่า ไม่ทิ้งขยะไว้ ให้เผาทำลายหรือฝังเก็บให้เรียบร้อย มีพิธีลากองไฟก่อนออกจากป่าเพื่อให้สำนึกในบุญคุณและขอขมาที่ได้ทำสิ่งที่ล่วงเกินไป เมื่อแบกเป้เดินทางกลับ มีพี่ๆ เพื่อนๆ ถามตลอดทางเลยว่า “รองเท้าไหวไหม เป็นไงบ้าง” รู้สึกอบอุ่นใจมาก เพราะ ได้เรียนรู้การใช้ชีวิต การช่วยเหลือพึ่งพากัน มาแบบพี่แบบน้อง ที่มีแต่ความห่วงใยเห็นใจกัน เมื่อเดินมาเรื่อยๆ พี่พามาดูที่จุดสูงที่สุด เห็นทิวทัศน์ข้างล่างสวยมากมีหมอกบางและก็เมฆชั้นล่างลอยอยู่ อากาศสดชื่นมาก แต่ไม่ได้ถ่ายรูป รู้สึกว่าเป็นภาพเดียวที่จำได้ดีที่สุด ระหว่างทางลง ตรงไหนที่อันตรายจะมีพี่คอยช่วยเหลือตลอด เมื่อลงมาถึงคลองต้มกาแฟก็มาหยุดพักกินข้าวกลางวันกัน นั่งสักพักก็เดินทางต่อสักประมาณ ๑ ชั่วโมงก็ออกจากป่า ระหว่างทางมีพี่ที่ชวนคุยทำให้ลืมความเหนื่อยเพราะคุยสนุกมาก พออกจากป่าก็มีน้ำเย็นดื่มรู้สึกสดชื่นมาก เมื่อนั่งพักสักครู่ พี่อ๋อ ก็ขับรถมาส่งที่วิทยาลัยฯ เป็นการเดินทางที่สนุกมากอยากให้จัดการเดินป่าแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าการเดินป่าครั้งนี้ทำให้เข้าใจธรรมชาติ เรียนรู้ธรรมชาติ ธรรมชาติอาจขาดเราได้ แต่เราไม่สามารถขาดธรรมชาติได้เลยDSC_4284

นางสาวปรางทิพย์ ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม
คณะการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ปีที่ 3

 

ปิดการแสดงความเห็น