จากเรื่องจริง มาเป็นความรู้สึก กลายเป็นเรื่องเล่าที่สามารถแทนใจ และความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกัน
ออกเดิมทางมุ่งสู่ปากช่อง เพื่อเตรียมตัวกับการออกเดินป่า เมื่อมาถึงที่พักทีนบอกได้คำเดียว “ทีนอยากกลับบ้านมาก” มานี่ก็ไม่รู้จักใครเลย ที่พอรู้จักก็มีแต่ แสนดีคนเดียว แต่ก็ดีใจที่เพื่อนๆ คอยถามตลอดเวลาทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ก่อนนอนทีนก็แอบร้องไห้บอกกะตัวเองนี่คิดถูกหรือคิดผิดที่มา T^T แต่เมื่อมาแล้วก็ต้องไปต่อ เช้าวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖ แสนดีโทรนัดเจ็ดโมงเช้าไปเก็บของกว่าจะได้ออกเดินทางก็ปาไปสี่โมงเช้า เดินทางไปถึงจุดเริ่มเดินทางด้วยเท้า อร๊ากก!! นี่ต้องออกเดินแร้วหรอ ที่อยากกลับบ้านก็ยิ่งอยากกลับมากกว่าเดิมอีก ในความคิด
ทีนกลัวตัวเองเหนื่อย (คิดบ้าๆ เดินป่าจะไม่เหนื่อยได้ไง) กลัวร้อน ระหว่างการเดินทางก็ได้เจออะไรหลายๆ อย่าง จำพวก รอยสัตว์ รอยเท้าสัตว์ รอยการหากินของสัตว์ รวมถึงต้นไม้ ดอกไม้แปลกๆ เสียงพี่อ๋อแว่วๆ มา นี่ยังไม่ถึงทางขึ้นเขาเลยนะ ทีนแทบอยากร้องไห้ *(ในความคิด) แดดก็ร้อน กระเป๋าก็หนักอยากจะทิ้งกระเป๋าไว้ข้างทางแล้วเดินไปแต่ตัวแบบสบายๆ
หากทีนเลือกที่จะทำมัน ก็โคตรน่าเกลียดเลยและทุกคนก็หนักและเหนื่อยไม่ต่างกัน อีกอย่างพี่ๆ กระเป๋าหนักกว่าเราอีกตั้งเยอะพี่ๆ ยังไปต่อเลยแถมไม่บ่นอะไรเลย คิดอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่จะถึงที่พักสักที หากนำเรื่องแบบนี้มาคิดในการเดินทางยิ่งทำให้ระยะทางมันไกลออกไป เลยเปิดใจในการเดินทางและเรียนรู้ที่จะมีความสุข สนุกสนานในการเดิน แล้วทีนก็สนุกกับมันจริงๆ ดีใจที่น้อง เพื่อนและพี่ๆ คอยถามอยู่ตลอดทางว่าเหนื่อยไหม ไหวไหม ไม่ไหวก็บอกนะ ทำให้เรายิ้มออก
ถึงที่พักแล้วกรี๊ดด!! ดีใจที่สุด ค่ำคืนแรกของการอยู่ในป่าเริ่มขึ้น ชอบบรรยากาศตอนทานข้าวไม่ได้ทานข้าวแบบนี้นานมาก ถึงเวลาที่ต้องพักผ่อน เสียงของพี่นิม พี่อ๋อ ก็ดังมาอีกแล้ว ต้องมีการเข้าเวรนะ ทีนถึงกับเอ๋อ ต้องเข้าเวรด้วยหรอนี่–พระเจ้า! เสียงเพลงบวกกับเสียงกีต้าร์เริ่มดังขึ้น เป็นอะไรที่สนุกสนานมากทุกคนร่วมกันร้องเพลง เป็นภาพที่ประทับใจมากพี่อ๋อเล่นกีต้าร์เก่งมาก เช้าวันที่สอง ทีนมายังหน้าผา มันสวยมากเป็นครั้งแรกที่มายืนอยู่จุดแบบนี้ ภูมิใจในตัวเองมากในตอนนั้นที่เดินมาถึงตรงนี้ วันที่สองเป็นวันที่แสนสบายมากกับกิจกรรมเล็กๆ ที่พี่ๆ ทุกคน ทำให้ กับ การอยู่กับธรรมชาติ อยู่กับตัวเราเอง ในเย็นของวันนี้ทีนโชคร้ายดันไปลื่นล้มก้นแทบพัง ทำอะไรก็ไม่สะดวกลุกก็ยากปวดก็ปวด ถึงกับต้องให้พี่อ๋อมาเหยียบให้แต่ก็ไม่ดีขึ้นเลยพี่อ๋อเท้าหนักมาก เช้าวันที่สาม กับการเดินทางไปดูน้ำตก ทีนชอบเส้นทางในการเดินมากเหมือนกับมาปีนเขาเลยทางสูงๆ ต้องใช้มือดึงต้นไม้ไปด้วยตอนลงก็ยิ่งสนุกไปใหญ่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แต่เวลาเดินกลับทำไมมันถึงที่พักเร็วจัง ตอนไปกว่าจะไปถึงถึงกับหอบเลย โดน พี่ๆ แกล้งซะงั้น ไปต่อกับการอยู่กับธรรมชาติพี่อ๋อชอบพาทำอะไรแปลกๆ จังเลย ทีนเกือบไม่ตื่นแต่ก็เรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยทำ คืนนี้ต้องขอบคุณพี่แขกที่ช่วยให้ทีนหลับได้อย่างสบายเพราะพี่แขกและน้องก๊อตช่วยนวดให้ทีน คืนนี้หลับสนิทไม่ได้เข้าเวรเพราะพี่นิมบอกว่าไม่สบาย
เช้าวันที่๑๔ เริ่มต้นขึ้นวันนี้ต้องเดินทางกลับแล้ว ตื่นมาช่วยกันทำอาหารร่วมกันมื้อสุดท้าย หลังจากเก็บของเตรียมตัวเสร็จกันก็มาทำ พิธีอำลากองไฟ เป็นพีธีที่แปลกและไม่เคยได้ยินพี่ๆ เล่นเอาซะตกใจกับกลุ่มขี้เถ้าที่ฟุ้งกระจาย ออกเดินทางกลับใจหายเหมือนกัน อยู่ในป่ามันเป็นอะไรที่แตกต่างไปจากการอยู่ที่บ้านอยู่ในเมือง ไม่วุ่นวาย สงบ อากาศก็ดีถึงจะไม่สะดวกสบาย แต่การอยู่แบบนี้ช่วยสอนอะไรให้ตัวเองหลายสิ่งหลายอย่างมาก จากที่ไม่เคยทำก็ต้องทำ ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น ไม่เคยเรียนรู้สึกแปลกๆ ใหม่ๆ ก็ได้เรียนรู้ ถ้าให้เลือกก็อยากจะอยู่ต่อรู้สึกสนิทกับทุกคนมากขึ้นถึงจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ทุกคนมอบความรู้สึกดีๆ ให้เสมอ ความหวังดี คำแนะนำดีๆ พี่ๆ ไม่เคยทำให้รู้สึกโดดเดียว มอบแต่สิ่งดีๆ ให้ตลอดคอยช่อยเหลือ คอยดูแล และคอยยื่นมือให้กับน้องๆ เสมอ
การเดินทางใกล้สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อทุกคนเดินทางมาถึงที่วัดในระหว่างทางฝนตก ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วย กระเป๋าสะพายสะดวกขึ้น เราเดินทางไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นอาหารมื้อสุดท้ายและเป็นอาหารมื้อแรกที่ทุกคนทานด้วยกันและเป็นอาหารที่ดีมากต้องขอบคุณอาจารย์นพ เป็นอย่างมากค่ะ มุ่งสู่บ้านพี่แขกก่อนไปยังจุดที่ต้องจากกันจริงๆ สถานีรถไฟ เที่ยงคืนเศษๆ รถไฟเดินทางมาถึง มันเป็นวันที่ต้องมีน้ำตา กล่าวคำว่าสวัสดีและไปก่อนนะคะ กับพี่ๆ ทุกคนที่มาส่งถึงกับต้องร้องไห้ ไม่อยากจากก็ต้องจากใจหายมาก แสนดีบอกงานเลี้ยงจบทุกคนก็ต้องกลับบ้าน แต่ใช่ว่างานเลี้ยงจะไม่เกิดขึ้นอีก ฟังแล้วก็ยิ้มออกรถไฟเริ่มวิ่งไปเรื่อยๆ พร้อมกับการโบกมือลา จบลงแล้วกับการเดินป่าครั้งนี้แล้วจะพบกันใหม่ค่ะ
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งแรกในชีวิตทีน เป็นการเดินทางที่ตอนแรกไม่อยากจะมาแต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ทีนชอบมาก หลงรักการเดินทางครั้งนี้เลย ขอบคุณประสบการณ์ในครั้งนี้ วันดีๆ สามคืนสี่วัน ที่สอนหลายสิ่งหลายอย่างให้กับทีน ถึงในการเดินทางครั้งนี้จะมีปัญหาหลายอย่างแต่พี่ๆ ก็พยายามทำให้ทุกอย่างมันโอเค ทีนชอบบรรยากาศยามค่ำคืนที่มีเสียงเพลงกับกีต้าร์ที่ทำให้มีความสุข ชอบเวลาช่วยกันทำกับข้าว ถึงทีนจะทำไม่เป็นแต่ก็พยายามที่จะเรียนรู้ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแต่การทำอาหารก็สนุกและมีความสุขไปอีกแบบ การทานข้าวใต้แสงดาวแสงเทียนที่แสนหรูหาที่ไหนไม่ได้นอกจากเวลาไฟดับ อาบน้ำใต้แสงดาวยามค่ำคืนที่หาที่ไหนไม่ได้ บวกกับเสียงทักทายพูดคุยกันทำให้เราเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เปิดใจยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่
ขอบคุณอาจารย์นพ สำหรับคำแนะนำ ความรู้ใหม่ๆ และอาหารมื้อค่ำที่หรูหรา
ขอบคุณพี่แขก ความรู้เกี่ยวกับสัตว์และดอกไม้ คำแนะนำห่วงใย ความรู้เรื่องกล้อง และการนวดในคืนนั้นทำให้ทีนหายจากการเจ็บก้น
ขอบคุณพี่นิม พ่อครัวประจำป่า ทำอาหารให้ทานทุกมื้อเลย คำแนะนำในการทำอาหาร
ขอบคุณพี่อ๋อ กับสิ่งดีๆ ที่พี่อ๋อมอบให้เห็นพี่อ๋อครั้งแรกคิดว่าพี่อ๋อต้องน่ากลัวแน่เรย แต่พอได้นั่งรถไปด้วยกลับไม่เป็นแบบนั้น ใจดี พูดเก่ง บวกกับสาระและแง่คิดที่ดีในคำพูดทำให้เราคิดได้หลายสิ่งมาก ที่พาทำกิจกรรมแปลกๆ ทีนแทบจะไหลไปกับหิน กับการเล่นกีต้าร์ให้น้องๆ ฟัง เสียงกรนที่ทำให้ลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่าจะรอดไหม ฮ่าๆๆ
ขอบคุณพี่ชัช ที่สอนถ่ายภาพสวย พาไปเที่ยวก่อนมาเดินป่าช่วยแบกกระเป๋าให้ ให้ยืมไฟฉาย
ขอบคุณพี่ตาหวาน ที่หุงข้าวให้ทานทุกมื้อเลย ช่วยสอนการหุงข้าวและคอยดูแลคนป่วยอยู่เสมอ
ขอบคุณพี่เก่ง ที่ยังมาเข้ากลุ่มก่อนวันกลับ+คุกกี้
ขอบใจเพื่อนคิง ที่ช่วยถือกระเป๋ากล้องให้และช่วยอยู่เวรเป็นเพื่อนทำให้ไม่ง่วงนอนและช่วยชีวิตทีนจากการโดนผึ้งต่อย กับการพูดคุยที่สนุกสนาน และยังช่วยแนะนำในสิ่งที่ ทีนตั้งคำถามไป สอนสิ่งใหม่ๆ ทีนนึกว่าคิงเป็นรุ่นพี่ซะอีกที่ไหนได้
ขอบใจสักสิทธิ์(ทอง) ที่คอยกัดกะทีนอยู่ตลอด และคอยกัดทีนอยู่เสมอ ถึงจะกวนไปนิดแต่ก็แอบฮา และทำให้รู้ว่ากระเพราปลากระป๋องมีจริงในโลก
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน
ปล. ขอบคุณทุกคนมาก การเดินป่าจะไม่สิ้ดสุดลงเพียงแค่นี้ ทีนจะไปร่วมเดินป่ากับทุกคนอีกค่ะ รักพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกเสมอ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ
โดย นางสาวสุดารัตน์ จันทร์สระบัว (ทีน)
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะการบัญชีและการจัดการ
สาขาบัญชีบัณฑิต