สิ่งแวดล้อมเพื่อชุมชนกับการเดินทางที่เติมเต็มความสุขซึ่งกันและกัน ณ ผาด่านช้าง

san  (5)การเดินทางเริ่มขึ้น  ณ วันที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เวลา ๑๑.๐๐น. สมาชิกทั้งหมด พี่แสนดี พี่มีน พี่เม็ดทราย พี่ปุ๊ก พี่ปาล์มมี่ พี่ทีน พี่มิว พี่โดม น้องเดช น้องก๊อต น้องลองกอง น้องเล้ง น้องน้ำ น้องสตาร์ท น้องบู๊ท  โดยการนำของพี่แสนดี

ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖  กระผมเพื่อนๆ และน้องๆ รวม ๑๕ คนได้จัดของเตรียมตัวเดินป่าที่ผาด่านช้าง มี ครูนพ พี่แขก พี่นิม พี่อ๋อ พี่หวาน พี่ชัช น้องคิง น้องสักทอง รวมทั้งหมด ๒๓ คน  พวกเราไม่รอช้าเมื่อเตรียมของเสร็จเราจึงออกเดินทางมุ่งสู่ผาด่านช้าง พวกเราได้นำรถไปจอดไว้ที่วัดมกุฎคีรีวันต์  จากนั้นพวกเราก็เดินเท้าเข้าไปทางน้ำตกผามะนาว เดินมาได้สักพักพวกเราก็ต้องแบ่งเป็น ๒ ชุด เนื่องจากมีคนป่วยนั่นก็คือ “พี่ปาล์มมี่” พวกเราจึงส่งชุดแรกล่วงหน้าเพื่อไปเตรียมที่พักก่อน จากนั้นชุดที่ ๒ ของกระผมค่อยๆ ตามไปทีหลัง ในที่สุดพวกเราก็พากันมาถึงที่พัก ต่างคนก็ต่างหุงหาอาหาร พักผ่อนร่างกายบ้าง คืนนี้เป็นคืนแรกที่เราจะค้างแรมในป่ากัน เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเสร็จก็ช่วยกันเก็บsan  (1)กวาดและจัดของเข้าที่ หลังจากนั้นพวกเพื่อนๆ และน้องๆ ก็พากันพักผ่อน กระผม เจ้าคิง สักทอง พี่นิม ครูนพ พี่อ๋อ พี่แขก จึงไปแช่สระอโนดาตให้ชื่นใจ พอพวกเราเดินมาถึงสระก็เลยทำข้อตกลงกันห้ามใครเปิดไฟฉาย เพราะไม่งั้นละก็ “คงจะเจออะไรแน่ๆ เลย”  คืนนั้นพวกเราลงแช่น้ำทีละคนมองดูดาวอย่างมีความสุข พอทุกคนชำระร่างกายเสร็จแล้วก็ได้เวลากลับที่พัก แบ่งเวรยามอยู่กองไฟ คืนนั้นเป็นคืนที่พิเศษมากๆ  พวกเราได้ยินเสียงเพลงจากพี่คนหนึ่งเสียงของแกช่างไพเราะมากทำเอาคนรอบข้างนอนไม่หลับเลยทีเดียว และจะมาเป็นระลอกๆ แต่คงเพราะความเหนื่อยก็ทำให้ทุกคนหลับไปอย่างสบาย พร้อมกับบรรยากาศเย็นๆ จับใจใต้แสงดาวsan  (2)

เช้าตรู่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ หอมกรุ่นกลิ่นข้าวที่สุกใหม่ๆ บรรดาพ่อครัวแม่ครัวตัวน้อยโดยการนำของ san  (3)เพื่อนปุ๊ก แม่ครัวของทีมสารคามนี่เอง อาหารมื้อนี้อร่อยมากวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่พวกเราทุกคนมีความสุขกัน พอตกเย็นพวกเราก็ไปดูนกเงือกบินกลับรังของมัน นั่งดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน บ้างก็ดูผีเสื้อ บ้างก็ดูพรรณไม้ในป่า พอตกเย็นพวกเราก็มานั่งร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน สีหน้าทุกคนยิ้มแย้มมีความสุขที่ได้อยู่กับธรรมชาติ แล้วทุกคนก็หลับด้วยเสียงเพลงอันไพเราะของพี่แขก

วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖

กลิ่นหอมฟุ้ง กาแฟสด ซดยามเช้า
คอยนั่งเฝ้า นั่งมอง จ้องหนักหนา
ยามตื่นนอน พลันรีบ ลุกขึ้นมา
เทวดา คงจะอยาก จิบลิ้มลอง

san  (6)วันนี้เป็นวันที่พิเศษมาก เพราะ พี่เก่ง แกฉายเดี่ยวเดินตามพวกเราขึ้นมาที่ผาด่านช้างคนเดียว กระผมยังคิดเลยว่า พี่เก่งแกแน่มาก ที่ขึ้นมาหาพวกเราซึ่งอยู่กลางป่าโดยลำพัง ประมาณช่วงบ่าย พี่ๆ ก็พาพวกเราไปเดินดูรอยสัตว์ พวกเราเจอรอยหมีห่างจากที่พักประมาณ ๕๐ เมตร ทั้งดูรอยสัตว์และต้นไม้ที่อยู่ในป่า เราเดินขึ้นไปที่ด้านบนของน้ำตก พักต้มมาม่ารับประทานกัน เรานั่งพักกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเราก็ได้เดินทางเลาะลำธารกลับที่พัก ทุกคนแยกย้ายทำภารกิจส่วนตัว จากนั้นก็มาทำอาหารมื้อเย็น วันนี้มีมือกีต้าร์จากสารคามมาเล่นให้ฟัง น้องเดช แต่ละบทเพลงของเจ้าเดชมันเป็นเพลงช้าๆ ซึ้งๆ และก็เศร้าถึงกับมีคนร้องไห้ออกมา พวกเรานั่งคุยกัน บ้างก็จิบกาแฟ บ้างก็นอนพักผ่อน สักพักพี่แขกก็มาเล่นเพลงให้พวกเราฟัง แต่วันนี้แนวเพลงแกเหมือนจะเป็นเพลงปลุกใจจังหวะเร็วๆ   แต่ทุกคนก็หลับกันอีกตามเคย……..

san  (7)
วันสุดท้ายแต่ไม่ท้ายที่สุด ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖
san  (8)   หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จพวกเราก็เริ่มเก็บสัมภาระ เตรียมตัวที่จะเดินทางลงจากผาด่านช้าง ก่อนจะออกเดินทางเรามี “พิธีอำลากองไฟ”   ทีแรกกระผมก็ไม่คิดอะไร  แต่อยู่ๆ ภาพเก่าๆ จากสมอปูนก็แวบมาในหัวทำให้ผมระวังตัวมากขึ้น  สุดท้ายคนที่โดนเยอะที่สุดคือเจ้า “ก๊อตซิล่า” ทั้งที่รอบที่แล้วก็ไปสมอปูนมาแต่ก็พลาดท่า มันเป็นกิจกรรมที่สนุกและก็แฝงข้อคิดอะไรหลายๆ อย่าง พวกเราเริ่มออกเดินทางลงจากผาด่านช้างกัน…..

เสียงฟ้าร้อง ก้องเมฆ กังวานไพร
เสียงเหนื่อยไหม ร้องหา เจ้าไหวไหม
แม้นได้ยิน เสียงเช่นนี้ เย็นจับใจ
ฝ่าลมไพร ฝ่าฝนล้อม มิยอมเอย…..

san  (9)    ระหว่างทางฟ้าร้อง และก็มีหยดน้ำฝนโปรยปรายลงมาให้เราเย็นชื่นใจ  ครั้งก่อน ณ สมอปูน เดินป่าตอนกลางคืน ครั้งนี้ ณ ผาด่านช้าง เดินป่ากลางสายฝน มีน้อยคนนักที่จะได้มาพบประสบเช่นนี้มันช่างเป็นสิ่งที่สวยงามและคุ้มค่ามากจริงๆ ที่ทุกคนได้มีโอกาสมาสัมผัสทั้งที่ใครหลายๆ ไม่เคยหรือไม่มีโอกาสที่จะได้มา ก่อนกลับสารคามครูนพ ก็ไดพาพวกเราไปรับประทานข้าวเย็นแต่เสียดายที่พี่หวานมีธุระเดินทางกลับก่อน จากนั้นก็ไปส่งที่สถานีรถไฟเพื่อส่งพวกเรากลับ บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่  โอบกอดครูนพรัตน์ ด้วยความห่วงใยที่ครู และพี่ๆ ทุกคนมีให้ มันช่างเป็นมิตรภาพที่งดงาม และเป็นสิ่งที่กระผมคิดว่าทุกคนประทับใจกับสิ่งที่ครูนพและพี่ๆ ทำให้พวกเราเป็นอย่างมาก…….

หากตะวัน ยังขึ้น ตะวันออก
ดั่งข้อศอก ต่อแขน หาขาดได้
มิตรภาพ ครูพี่ ที่มอบให้
ซาบซึ้งใจ มิรู้วัน มิลืมเลือน…

BY เพราะเจ้ามาจากดิน

ปิดการแสดงความเห็น