สัมผัสธรรมชาติ ทัวร์ ข้าง ทาง (๓)

_________อาหารมื้อเย็นที่เขาใหญ่_________
      หลังจากพวกเราเดินทางกลับจากหอส่องสัตว์ก็เป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินไปเสียแล้ว ผืนป่าเขาใหญ่ดูมืดสนิท มีลมโชยระหว่างนั่งรถกลับ อากาศกำลังเย็นสบายแต่ก็อาจรู้สึกหนาวเหน็บของใครหลายๆคน ขณะนั้นอุณหภูมิประมาณ ๒๒.๕ องศาเซลเซียส ระหว่างทางกลับเราได้มีการสนทนากับพี่แขก “ในป่าแต่ละที่ เสือเป็นเหมือนดั่งศักดิ์ศรีของป่า ถ้าไม่มีเสือแล้ว ความอุดมสมบูรณ์ก็หาไม่ได้ เพราะเสือเป็นสัตว์ที่รักความสันโดษมาก”   พี่แขกก็เล่าเรื่องให้ฟังว่า “แต่ก่อนบ้านพักของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ติดกับชายป่า ในตอนกลางดึกมีเด็กทำการบ้านอยู่แล้วลงไปใต้ถุนบ้านเนื่องจากดินสอหล่นลงไป จึงโดนเสือกัดบริเวณกลางลำตัว แล้วเสือตัวนี้ก็วิ่งหายเข้าไปในป่า ซึ่งตัวเด็กเองไม่ได้เสียชีวิตทันที แต่ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว จากนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่จึงวางแผนที่จะจัดการกับเสือตัวนี้เพราะนิสัยของเสือจะต้องกลับมากินเหยื่อ จึงได้เตรียมตัวยิงเสือโดยซุ่มอยู่บนบ้านที่สูงจากพื้นดินประมาณ ๒ เมตร แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อคนที่ซุ่มโผล่หัวออกมา จึงโดนเสือใช้เคี้ยวเล็บตะปบหนังศีรษะหลุดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงทำให้เสือตัวนี้ฆ่าคนไปถึง ๒ ศพแล้ว จากนั้นจึงมีการวางแผนอย่างจริงจังและรัดกุมมากขึ้นจนสามารถฆ่าเสือตัวนี้ได้ เสือตัวนี้เป็นเสือแก่ที่ล่าสัตว์ไม่ค่อยได้แล้วจึงหันมากินมนุษย์แทน และซากเสือตัวนี้ก็ยังคงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของเขาใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้ พวกเอ็งจะได้เห็นพรุ่งนี้แหละ”    เมื่อเล่าจบพวกเราก็มาถึงศูนย์อาหารพร้อมกับสั่งอาหารมามากมาย ทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย จนหมดเกลี้ยงเลย อาจจะเพราะความหิวก็ว่าได้แล้วจึงกลับที่พักกัน..

_________รุ่งสางของวันใหม่_________
                  ทริปแรกของวันอาทิตย์…บรรยากาศกำลังเย็นสบาย พวกเราตื่นกันแต่เช้าตรู่ เพื่อเตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่ผาเดียวดายหรือที่พี่แขกเรียกว่า “ผาถีบเมีย” … ที่ถึงแม้ชื่อจะเดียวดาย แต่ไปคราวนี้ไม่เดียวดายเหมือนชื่อเลยแฮะ…  เพราะทริปนี้เต็มไปด้วยความสนุกพร้อมสรรพทั้งโหด มันส์ ฮา เนื่องด้วยมีทั้งไกด์กิตติมศักดิ์ระดับ Hollywood อย่าง “พี่แขก” หรือ พี่ Jack sparrow “พี่ทีม”  ตากล้องสุดชิคที่กดรัวชัตเตอร์แบบไม่ยั้งเพราะมีนางแบบอย่างแพนด้า 2 คอยเป็นนางแบบให้ไม่ห่าง และ “พี่เป็ด” ที่ขับรถพาสองหนุ่มเภสัชจาก ม.ขอนแก่นกับสี่สาวเภสัชจาก ม.ศิลปากรและ ม.สงขลาฯ ตะลอนทัวร์กันอย่างสนุกสนาน ระหว่างทางที่ไปก็เปิดกระจกรถเพื่อหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้ากันอย่างเต็มที่ ที่เค้าว่ากันว่า ป่า คือแหล่งออกซิเจนชั้นเยี่ยมของโลกมันเป็นแบบนี้นี่เอง
….เป็นระยะทางกว่า ๑๔ กิโลเมตรกว่าที่พวกเราจะไปถึงที่หมาย    และมันก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง…พระอาทิตย์ดวงกลมสีแดงที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านกลุ่มเมฆน้อยๆ  เหนือสันเขาร่มบวกกับอากาศที่เย็นสบายบนเขาใหญ่ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ พวกเราผลัดกันเก็บรูปพระอาทิตย์ขึ้นกันอย่างสนุกสนาน มีพี่เป็ดที่เริ่มรู้สึกหวิวๆ ก็เพราะพี่เค้ากลัวความสูงนี่นา
จากนั้นก็เดินชมธรรมชาติตามเส้นทางที่ทางอุทยานได้กำหนดไว้ ตลอดเส้นทางก็มีป้ายที่ให้ความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของต้นไม้ในป่ามากมาย ทั้งเตยหนาม แสมแดง ฯลฯ จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปที่เขาเขียวเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของภาคกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีเรดาร์ที่มีความสำคัญในการป้องกันภัยทางอากาศที่เมื่อไปถึงก็จะเจอกับพี่ๆ ทหารยืนกันเต็มไปหมด จุดนี้เป็นจุดที่บุคคลภายนอกห้ามเข้า แต่สามารถไปยืนชมวิวตามสถานที่ที่จัดไว้ให้ได้ โดยตรงจุดนี้น่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนที่ชอบดูนกเพราะเป็นจุดที่มีทั้ง นกแก๊ก นกเงือกตัวกระจิ๋วหลิวและนกเงือกกรามช้าง  บินผ่านไปมาให้เราได้เห็น (แต่พวกเราไม่เห็นหรอกนะ) บรรยากาศรอบๆ สวยงามมาก มีน้ำค้างเกาะอยู่ตามดอกไม้ ใบหญ้า ทำให้พวกเราอยากเก็บภาพมาฝากผู้อันเป็นที่รักอย่างมาก มีต้นลำโพงที่ดอกยังกับลำโพงสมัยโบราณที่สวยงามสมกับที่ชื่อลำโพงจริงๆ หลังจากเต็มอิ่มกับธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดแล้ว พวกเราก็กลับมาที่พักเพื่อเก็บสัมภาระ นั่งจิบกาแฟ ทานอาหารเช้า เตรียมตัวเพื่อเดินทางต่อไปยัง…

_________พิพิธภัณฑ์และจุดบริการนักท่องเที่ยวบนเขาใหญ่_________

ไกด์บัตรเงินกิตติมศักดิ์  (ที่ไม่ใช่ บัตรทอง ๓๐ บาท รักษาทุกโรค)

        ก่อนไปขอแวะยังพิพิธภัณฑ์และจุดบริการนักท่องเที่ยวบนเขาใหญ่ ภายในจัดเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้ได้เป็นอย่างดีมาก ตั้งแต่ภาพแสดงการถือกำเนิดขึ้นของเขาใหญ่ในรูปแบบสามมิติ ทำให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน การจัดแสดงนิทรรศการรูปถ่ายสัตว์นานาพันธุ์ ที่ซึ่งพวกมันอาศัยอยู่บนเขาใหญ่ เพื่อให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชมได้ถ่ายรูปกัน จนมีการกำเนิดเป็นจาพนมขึ้นอีกคนบนเขาใหญ่แห่งนี้ มีมุมหนังสือเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้มาศึกษาหาความรู้ มุมสำหรับซื้อของฝากคนที่รัก และด้านหลังของพิพิธภัณฑ์ซึ่งอยู่ภายนอกอาคารยังมีที่ให้นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัยอีกด้วย หลังจากที่ทุกคนซื้อของฝาก ของที่ระลึกเสร็จแล้ว พวกเราก็กำลังมุ่งหน้าสู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อไปเที่ยวบ้านพี่แขกคุณไกด์บัตรเงินกิตติมศักดิ์  (ที่ไม่ใช่ บัตรทอง ๓๐ บาท รักษาทุกโรค)  ต่อไป…

_________Palio_________

   แต่เดี๋ยวก่อน… เรายังไม่ส่งพี่แขกตอนนี้ !!!  เพราะหลังจากที่เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรกันแล้ว สถานที่ต่อไปที่เราจะได้ไปสัมผัสก่อนที่จะแวะไปส่งพี่แขกก็คือ…. Palio Khaoyai จุดที่ไม่ว่าใครแวะมาที่นี่เป็นต้องแวะมาขอแชะถ่ายรูปกันซักรูปสองรูปเพื่อยืนยันว่าชั้นมาถึงเขาใหญ่แล้วนะ ซึ่งอยู่ทางปากช่อง บนถนนธนะรัชต์ ติดกับโรงแรมจุลดิส เขาใหญ่ รีสอร์ท แอนด์ สปา (บาลิออส) อาคารและสถานที่ สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรปโบราณแนวอิตาเลี่ยนสไตล์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่แห่งใหม่เหมาะกับคนอินเทรนด์อย่างพวกเราๆ โดยเฉพาะพี่แขกไกด์สุดเท่ห์ที่ครั้งนึงที่นี่ เคยมีคนมาไหว้เพื่อที่จะขอถ่ายรูปมาแล้ว  ภายใน Palio มีร้านค้าเล็ก ๆ และจุดชมวิวต่าง ๆ ที่ออกแบบได้อย่างน่ารักและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเยี่ยมชม ซื้อของและถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็นร้านขายดอกไม้ ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ร้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ร้านเครื่องประดับ และอื่น ๆ ซึ่งออกแบบมาไม่ซ้ำใคร ก้าวแรกที่สัมผัสรู้สึกเสมือนกับได้ไปเดินอยู่กลางกรุงโรมเลยทีเดียว พวกเราเลยไม่รอช้า !!!  ขอตามเทรนด์ แวะพักถ่ายรูปกันหลายแชะกับเค้าบ้างเพื่อยืนยันว่าเรามาถึงที่นี่แล้วนะ…จะบอกให้

_________อำเภอปากช่อง_________

       เป้าหมายสุดท้าย ก่อนที่การเดินทางจะสิ้นสุดลงคืออำเภอปากช่องเพื่อส่งไกด์กิตติมศักดิ์กลับบ้าน  ตลอดเส้นทางได้เห็นสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นมากมาย   พวกเราทุกคนยอมรับว่ามันสวยจริงแต่ยังสวยได้ไม่เท่ากับสิ่งที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างขึ้น เพราะความงามของธรรมชาติมีคุณค่าต่อจิตใจที่ซึมลึกยิ่งกว่า การเดินทางที่แสนพิเศษครั้งนี้ได้เปลี่ยนมุมมองความคิดของเด็กเมืองอย่างพวกเรา เพราะจากแต่ก่อนจะชอบความงามในรูปแบบฉาบฉวยและมีสีสันสะดุดตา แต่เขาใหญ่ทำให้ความคิดเปลี่ยนไปอย่างไม่ต้องสงสัย โดยตลอดเส้นทางเยี่ยมชมธรรมชาติแม้จะเหนื่อย แต่สิ่งที่ได้กลับมายิ่งใหญ่กว่าคำว่าเหนื่อยเสมอ ขอบคุณเขาใหญ่ที่คอยดูแลตัวเองเป็นอย่างดี พร้อมที่จะอ้าแขนรับให้มนุษย์ตัวน้อยๆเดินทางเข้าไปสัมผัสได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความอบอุ่นของผืนป่า กลิ่นหอมของพื้นดิน ความชุ่มฉ่ำของสายน้ำ กลุ่มเมฆหมอกที่ลอยล่อง สายลมที่หนาวเย็นและแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง รวมถึงสัตว์ป่านานาพันธุ์คอยขับขานประสานเป็นเสียงเพลง ทุกคนที่ได้มาสัมผัสพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม แต่ธรรมชาติก็ไม่เคยร้องขอสิ่งใดเป็นค่าเยี่ยมชม เพียงแค่กระซิบเบาๆ ว่า อย่าทำร้ายฉันก็เพียงพอ ได้ยินอย่างนี้แล้วอยากเป็นกระบอกเสียงให้เขาใหญ่อีกแรงหนึ่งด้วยคำนี้ละกัน “หากเรารักษ์เขาใหญ่ เขาใหญ่ก็จะรักเราเช่นกัน” 

การเดินทางได้มาถึงเขาแคน ประตูสู่แดนอีสาน และถึงบ้านพี่แขกไกด์กิตติมศักดิ์โดยสวัสดิภาพ ก่อนรถจะจอดเทียบท่า พี่แขกได้โวยวายใส่เพื่อนบ้านไปพักใหญ่ เพราะเพื่อนบ้านจอมวุ่นได้ถอยรถไล่เป็นการต้อนรับ เมื่อพวกเราลงจากรถเจ้าของบ้านตัวจริงเสียงจริงที่ชื่อ   คุณมะระดำ  ก็วิ่งหน้าสลอนมาคอยต้อนรับ ตัวมันโตกว่าคนซะอีก บางคนกลัวมันแต่บางคนก็ชอบมัน เอาเป็นว่าเพื่อความปลอดภัยช่วยทำให้คุณมะระดำอยู่นิ่งๆ สักพักแล้วกันนะ หลังจากนั่งพักในบ้านพี่แขก และรอพี่ทีมอัพโหลดรูปจากกล้องตัวโปรดลงในคอมพิวเตอร์ของพี่แขกเรียบร้อยแล้วพวกเราที่เหลือก็เดินทางกลับสู่ปราจีนบุรี จากปลายทางกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

“สำหรับประสบการณ์เดินป่าครั้งแรกที่แสนประทับใจ ซึ่งบุคคลสำคัญที่ต้องระลึกถึงเสมอก็ต้องยกความดีให้กับพี่ต้อม พี่พราว พี่แขก พี่ทีม และพี่เป็ด .. น้องๆ ทุกคนขอขอบคุณ พี่ต้อม ผู้สนับสนุนการทดสอบสเปรย์กันทากมะเขือขื่น ขอบคุณ พี่พราว สำหรับความห่วงใยและคอยกำชับเรื่องสิ่งของที่ต้องเตรียมไปใช้ในการเดินป่า ขอบคุณ พี่แขก ไกด์เดินป่าที่มีรูปแบบการเดินตามนิมิตและมีข้อคิดสอดแทรกให้ได้ยินเสมอ ขอบคุณพี่ทีม ช่างภาพมือโปรและคอยเล่าเรื่องสองข้างถนนให้ฟังอย่างสนุกตลอดการเดินทาง ขอบคุณพี่เป็ดที่คอยขับรถบุกป่าฝ่าดงเพื่อไปยังจุดหมายอย่างปลอดภัย และขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางทุกคนที่ทำให้รู้ว่า  “น้ำใจในป่า”  ไม่ได้เหือดหายไปตามอุณหภูมิของโลก ขอบคุณจากใจจริง”

 บรรณาธิการ
๑. นศภ.คณัฐวุฒิ หลวงเทพ   (ฟาง)   มหาวิทยาลัยขอนแก่น
๒. นศภ.ดนัย วงศ์มีฤทธิ์   (แซม)   มหาวิทยาลัยขอนแก่น
๓. นศภ.สุวิชรินทร์ สฤษฏ์กุล   (ผึ้ง)   มหาวิทยาลัยศิลปากร – “แพนด้า ๒” โดยพี่แขก
๔. นศภ.วันฮามีดะห์ ปานากาเซ็ง   (ด๊ะห์)   มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ – “ดาด้า” โดยพี่แขก
๕. นศภ.นิภาวรรณ บูหมัน   (นิต้า)   มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  – “แพนด้า ๑” โดยพี่แขก
๖. นศภ.วรวรรณ ธนิตนนท์   (เกี่ยว)   มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ – “นิ้วก้อย” โดยพี่แขก

ความเดิมตอนที่แล้ว
สัมผัสธรรมชาติ ทัวร์ ข้าง ทาง (๒) 

ปิดการแสดงความเห็น