สัมผัสธรรมชาติ ทัวร์ ข้าง ทาง (๑)

การเดินทางอันน่าประทับใจ ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

_________ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร_________

   การเดินทางสู่เขาใหญ่เริ่มต้นเมื่อรุ่งเช้าของวันเสาร์ อากาศแสนเย็นสบายที่จังหวัดปราจีนบุรี มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยแวะแยกนเรศวรเพื่อซื้ออาหารเช้าสำหรับกินระหว่างทางเป็นอาหารง่ายๆ สบายๆ ตามประสานักท่องเที่ยว “ข้าวเหนียวหมูปิ้ง”  จากนั้นจึงมุ่งหน้าเข้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในการเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด ๙ ชีวิตด้วยกัน ซึ่ง ๖ คนนั้นเป็นว่าที่เภสัชกรในอนาคตคือ พี่ผึ้ง เกี่ยว นิต้า ด๊ะห์ แซมและฟาง พี่ที่คอยขับรถดูแลเราอีก ๑ คนคือ พี่เป็ด และไกด์ที่จะพาเราเดินป่าบนเขาใหญ่อีก ๒ คนคือ พี่แขกและพี่ทีม ระหว่างเดินทางนั้น พวกเรานั่งรถ ๔x๔ ทำให้ฟางและแซมมีโอกาสได้สัมผัสกับอากาศข้างนอกที่แสนบริสุทธิ์ เป็นการเสียสละที่นั่งด้านในให้กับสี่สาวประจำทริปนี้และยังพี่ทีมผู้รู้เส้นทางอีกด้วย ซึ่งภายในรถพี่ทีมจะคอยเล่าเรื่องราวต่างๆ ของสองข้างทางให้สาวๆ ฟังไปตลอดทาง อากาศข้างนอกนั้นสดชื่นเย็นสบายสมกับเป็นทริปเที่ยวชมธรรมชาติต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ พอนั่งรถมาได้สักพัก เมื่อหันกลับไปมองด้านหลังรถก็เห็นแซมกับฟางงีบหลับไปซะแล้ว จนมาถึง…
_________ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่_________

    เมื่อรถวิ่งมาจนถึงจุดนัดพบก็ได้พบกับหัวหน้าทีมในการเดินป่าครั้งนี้ เป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก พี่แขก ครั้งแรกที่เจอทุกคนลงความเห็นว่าพี่แขกถือว่าเป็นอาร์ตตัวพ่อเลยก็ว่าได้ ดูจากการแต่งตัว และลักษณะท่าทาง เมื่อรวมตัวกันเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเข้าที่พัก ซึ่งเป็นบ้านพักของอุทยานแห่งชาติชื่อ ลำพูป่า ตัวบ้านเป็นสีน้ำตาลเข้มเข้ากับธรรมชาติรอบๆ บ้านเป็นอย่างมาก หลังจากเก็บสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็มาประชุมกันเพื่อวางแผนเตรียมตัวทำการทดลองสเปรย์มะเขือขื่นสำหรับกันทากที่ได้รับมอบหมายมาจาก ดร.ต้อม หรือ ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ซึ่งเป็นหัวหน้าในการให้มาทดสอบในครั้งนี้ พี่ต้อมเป็นผู้มีคุณูปการแห่งวงการเภสัชกรรมและเป็นคนกลุ่มแรกเริ่มที่ก่อตั้ง กลุ่มรักษ์เขาใหญ่ ขึ้นมา ชอบเดินป่าเป็นชีวิตจิตใจเพื่อค้นหาสมุนไพรตามสถานที่ต่างๆ ในขณะนี้มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
หัวข้อในการทดลองครั้งนี้ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากเพียงแค่มาเก็บผลการทดลองเท่านั้น แต่ด้วยความที่การทดลองมีผู้หญิงอยู่ด้วยคือ พี่ผึ้ง นิต้า ด๊ะห์ เกี่ยว และถือว่าทริปนี้เป็นครั้งแรกของการเดินป่าของสาวๆ จึงตื่นเต้นกับการเดินป่าและท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในอุทยานเขาใหญ่เป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ทุกคนยังไม่รู้คือ ความเป็นจริงของป่าเขาใหญ่และทากตัวน้อยที่พวกเรากำลังจะเจอเป็นอย่างไร

 

_________พรานพี่แขก_________

“แพนด้า 1 เรียกแพนด้า 2 เปลี่ยน”

    เมื่อพวกเราได้พูดคุยกับพี่แขกทุกคนต่างก็มีแต่รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ เป็นเพราะพี่แขกเป็นคนที่ตลกชอบปล่อยมุขหน้าตาย ปล่อยมุขแต่ละทีแทบหยุดขำไม่ได้เลย ซึ่งขัดกับบุคลิกภายนอกที่ปรากฏเป็นอย่างมาก ขั้นตอนนี้อยู่ในช่วงระหว่างทำความรู้จักกัน ซึ่งคนที่อยู่ในทริปนี้ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่พี่แขกจำชื่อไม่ได้ซะงั้นเลยเอาจุดเด่นของแต่ละคนมาตั้งเป็นฉายา เริ่มจากนิต้าที่บอกชื่อไปแล้วพี่แขกจำไม่ได้และด้วยความที่ชื่อ นิต้า คล้ายชื่อแพนด้า ตั้งแต่นั้นมานิต้าก็เป็นคนแรกที่มีฉายาว่า “แพนด้า” และด้วยความที่นิต้าและพี่ผึ้งมีหุ่นที่น่ารักน่าชังเหมือนน้องแพนด้า จึงเป็นที่มาของประโยคเด็ดว่า “แพนด้า ๑ เรียกแพนด้า ๒”     หรือฉายา   พีหนี่งและพีสอง นั่นเอง แต่คนอื่นๆ ก็ยังไม่มีฉายาอะไรเพิ่มเติม ระหว่างนี้ทุกคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะกับการเดินป่า เป็นกางเกงขายาวบ้าง เสื้อแขนยาวบ้าง หมวกสำหรับสาวๆ น้ำเปล่าคนละขวด และที่ขาดไม่ได้คือ สเปรย์มะเขือขื่ สำหรับกันทากที่จะนำมาทดสอบพร้อมกับถุงกันทาก ซึ่งฟางจะมีสมุดจดเล่มเล็กค่อยบันทึกผลการทดสอบในครั้งนี้ ระหว่างรอทุกคนเตรียมตัว ฟางก็ได้ไปเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ ที่พัก ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ นาฬิกา อากาศด้านนอกเย็นสบาย มีฝูงกวางตัวเมียอยู่บริเวณร่มไม้เยอะมาก ตัวขนาดใหญ่พอตัว ในตอนแรกคิดว่ากวางน่าจะเป็นมิตรมากเพราะเข้ามาในเขตที่มีมนุษย์อยู่ แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย เมื่อฟางเดินเข้าไปใกล้ๆ กะว่าจะถ่ายรูปกับกวาง มันก็วิ่งหนีเข้าป่าไปหมด แน่นอนว่าอดถ่ายรูป จึงต้องกลับมาที่พักพร้อมกับเตรียมตัวเดินป่า

โปรดติดตามตอนต่อไป …. 

ปิดการแสดงความเห็น