เขาใหญ่เส้นทางแห่งมิตรภาพบนสมอปูน

     สำหรับผมการเดินป่าเป็นอะไรที่ท้าทายใจคนมาก ว่าจะมีใจมุ่งมั่นที่จะเดิน จะอนุรักษ์ป่าไว้ให้เป็นป่า เป็นน้ำ เป็นดิน เป็นทุกอย่างที่ให้ชีวิตทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ ผมรู้สึกดีมากๆ ที่ได้ร่วมเดินป่ากับทุกคนในครั้งนี้ (ก้อจะพูดเรื่องสนุกๆ เลยนะครับ ฮาๆๆ ขำก่อนเลย) จากบ้านไปปากช่องก็ไกลพอสมควรนะครับ นั่งรถก็นานพอทน ฮาๆ ไปถึง พี่แสนดี ก็โทรให้พี่นิม มารับ มองซ้ายก็แล้ว ขวาก็แล้ว ยังไม่เห็นพี่นิมเลยรู้สึกกลัวไม่มีที่พัก ฮาๆ ในที่สุดพี่นิมก็มาถึงแล้วขึ้นรถ โชคดีที่พี่แสนจองโรงแรมไว้ไม่งั้นก็ซวย!!! กันหมดครับ   ขึ้นรถพี่นิมถามผมว่า “เคยเดินป่าไหม” ผมตอบว่า “เคยครับ” “ที่ไหน” “ทุ่งแสลงหลวงครับ” แล้วก็เล่า ให้พี่นิมฟัง พี่นิมก็บอกว่า “เออ! อย่างน้อยก็เคยเดินป่ามาบ้าง!!!! ฮ่าๆๆ”  มาถึงที่พักก็ไปหาพี่นิมที่บ้านพี่แขก ว่าจะไปจัดของช่วยพี่เขาแต่ พี่เขาใจดี ให้มาพัก(ขอบคุณมากครับ)เพราะเดินทางมาเหนื่อยๆ ฮาๆๆ วันรุ่งขึ้นตอนเช้าที่นี่ อากาศดี สบายๆ เดินไปบ้านพี่แขก ก็เจอกับคุณครูนพรัตน์และพี่ๆ เกือบทุกคนที่กำลังเก็บข้าวเก็บของกันอย่างเร่งรีบ ฮาๆๆ แล้วออกเดินทางไปเขาใหญ่

 

     ประมาณ ๐๙.๔๕ น. ก็ถึงจุดเดินป่าเริ่มเข้าสู่ความสนุกแล้วครับผม พอแบ่งของกันเสร็จก็เริ่มเดิน ในความคิดผมน่ะนึกว่าจะถึงตอนเย็นๆ นะครับ หิวน้ำก็หิว และแล้วก็ถึงจุดพักที่พี่ๆ เรียกว่า (คลองต้มกาแฟ) ผมไม่รอช้าก่อกองไฟทันที (ต้มไมโล ฮาๆๆ) แล้วก็กินข้าวเหนียวหมูปิ้งที่มีอยู่ข้างเป้ เอาออกมาทานอร่อยมากในเวลานั้น กรอกน้ำใส่ขวดเสร็จ แล้วก็ออกเดินทางต่อ แต่เดินๆ ไปเรื่อยๆ มืดลงๆ (บ๊ะเจ้า !) ค่ำเลย โอ้โห ! สุดยอดได้เดินป่าตอนกลางคืนเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากๆ สำหรับผมเพราะผมเคยเดินถึงประมาณเย็นๆ ไม่ถึงมืด ระหว่างเดินเป้ก็หนักด้วย เหนื่อยด้วยแต่สนุกมากๆ เส้นทางการเดินนี่    โอ้โห ! ดินสุดยอดอ่อนเลยพี่ๆ  ลื่น  ชั น หนาว  ไผ่ เยอะแยะ  ทุกคนก็เอาไฟฉายส่วนตัวออกมา แต่ผมไม่มี เลยต้องเดินตามพี่เขา ฮาๆ พอถึงสันเขาสุดยอดสวยงามมากๆ มองดูข้างล่างเห็น ไฟแสงสีสวยงามมากๆ ผมคิดนี่ เรามาถึงได้ไงเนี่ย สุดยอด แล้วก็เดินไปพักใหญ่ๆ ก็ถึงที่จุดที่พัก โอ้โห ! พี่ๆ เขาทำมาม่าให้ทาน แซบหลายๆ ครับ ได้ทานโอวันตินด้วย สุดยอด ขอบคุณพี่ๆ มากครับ แต่ดึกๆ เข้า เริ่มหนาว และผมได้ยินทุกคนบ่นว่า (เห็บกัด) ผมก็คิดว่ามันเป็นตัวยังไง มันจะเหมือนเห็บไก่ หมา เหมือนที่บ้านผมไหม (ผมคิด) ผมรู้สึกได้แต่ไม่โดนกัด แปลกมากๆ อยู่บนเขาใหญ่ ๒ คืน ๓ วันนะ ไม่โดนกัดสักตัว จากนั้นก็เดินไปอีก ๒ กิโล (เหนื่อยมาก ง่วงนอนด้วย ฮาๆ) ไปถึงดีใจใหญ่เลย ฮาๆๆ ว่าจะได้พักแล้ว แต่ได้ยินว่าเดินกลับไปที่เดิม ฮาๆ อะไรกันเนี่ย “เหนื่อยนะพี่ๆ”  “เออนะเดินเดี๋ยวก็ถึงแล้ว”  พอเดินมา ถึงสักที     สุดยอดคิดว่าจะได้นอนแล้ว แต่ลืมว่ายังไม่ทานข้าวเลยต้องทำกับข้าวทานก่อนถึงนอนได้ ระหว่างทำกับข้าว พวกผมก็(ต้มถั่วเขียว) ไปด้วยซึ่งเป็นของหวานอันน่ารับประทานมาก ทำเสร็จ ก็เลยเอาไปให้อาจารย์ ลองชิมดู รู้สึกว่าจะอร่อย ฮาๆๆ หนื่อยกันมาพอสมควรแหละ ก็ เลยว่าจะนอนพอดี พี่แจง พี่เปี้ยวก็มาชวนไปนั่งเล่นด้วยกัน แต่เหนื่อยมาก ง่วง เดินทางพรุ่งนี้ ไม่ไหวเลย บอกพี่ เขาว่า “ขอนอนก่อนนะครับ”   แล้วนอนเลย

 จนถึงรุ่งเช้า นึกว่าอากาศจะสบายที่ไหนได้ เกือบจะเที่ยงแล้ว ร้อนมากๆ ฮาๆ ตื่นขึ้น เก็บข้าวของใส่เป้ กรอกน้ำ แล้วเดินไปที่พักต่อ ถึงแล้วที่พัก กางเต็นท์ อะไรเสร็จแล้วเลย อาบน้ำ น้ำเย็นมาก เห็นพี่สอง สั่นทั้งตัว ฮาๆ  ผมกับเดช พี่แสน ก็เลยลองอาบดู เย็นสุดยอดเลยสบายไปทั้งตัวเลย ก็เหนื่อยนะ เลยอาบนานๆ แล้วก็ไปทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ พี่ๆ ออกไปคุยกันเล่น นั่ง นอน ดู แชร์ประสบการณ์ว่าใครเคยไปที่ไหนมาบ้าง สนุกมาก ต้องบอกว่า ดอกหญ้าสวยมากกว่าที่ผมเคยเห็นเลย สวยงามมาก
    พอมืดแล้ว ก็พากันกลับที่พักไปรับประทานอาหารซึ่งอร่อยมาก ผัดกะหล่ำปลี ที่พี่นิมทำอร่อยมากสุดยอด และแกงอะไรนะ เผ็ดมากๆ พึ่งเคยทาน (ฮู้ๆๆๆๆ เผ็ดๆ) เสร็จแล้ว แบ่ง เวรยาม ผมได้ผลัดสุดท้าย ก็เลยได้นอนก่อนเพื่อนเลย เสียดายไม่ได้ไป นั่งคุยกันกับพี่ๆ และคุณครูเลย และแล้วก็เช้า ตอนสายๆ ทุกคนตื่นพากันเก็บของใส่กระเป๋าเป้เพื่อเตรียมลงเขา แล้วก็ออกเดินทางกลับลงเขาระหว่างทาง เดินสบายบ้าง ไม่เหนื่อยเท่าตอนขึ้นนะ (สำหรับผมก็ ถ้าจะให้เล่าทั้งหมดคงยาวมาก เพราะเจ๋งทุกฉาก ทุกตอน เล่ายาวเลยแหละ เอาไว้แค่นี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเพื่อนด่า ว่า ทำไมยาวจัง) ผมให้คำว่า คุ้มมาก คุ้มสุดๆ ที่ได้ร่วมเดินกับทุกคนบนเขาใหญ่ในครั้งนี้ สุดท้ายเราจะ รักธรรมชาติตลอดจนชีวิตจะดับไป จะสร้างเสริม เติมสิ่งที่ขาดหายไปให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้  ผมเชื่อว่าต้องมี เพื่อน พี่ อาจารย์และประชาชนทุกคนบนโลกใบนี้ที่ยังมีใจรักธรรมชาติเหมือนผมมากเลยแหละ  (คิดถึงเพื่อนๆ พี่ๆ ฝั่งปราจีน พี่คิงส์ พี่แจง)  และทุกคนที่ร่วมฝ่าความลำบากไปด้วยกันและที่จะลืมไม่ได้เลยคือ (ขอคิดถึงป่าไม้ เขาใหญ่ตลอดไป เราต้องได้เจอกันอีกแน่นอน ผมสัญญา)     สุดท้ายแล้ว      “ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ร่วมกันอนุรักษ์ของคนไทยไว้นะครับ”

 

 

 

******************

จะแบกเป้ข้ามภูผา   พงพนาอย่าหมายขวางกั้น
จะไปให้ถึงฝั่งแสงตะวัน ณ ที่แห่งนั้นที่มีผองเรา
สดใสดอกไม้ผีเสื้อ จะแบกเป้ข้ามถนน ไปสู่ชน
รอการกอบเกื้อ เอาดวงใจผองเราเอื้อเฟื้อ
เป็นดั่งเรือข้ามลำน้ำเชี่ยว แบ่งเบาความทุกข์ระทม
ก้มลงจูบแผ่นดินแม่ อบอุ่นแท้ปานสองแก้ม
ที่เปรอะยิ้มและแววตา ปรารถนาอันใสซื่อ
เธอคือพลังยิ่งใหญ่ จะแบกเป้สู้ชีวิต
ถึงฟ้าลิขิตให้เราเป็นไป จะฝืนลมต้านพายุร้าย
ตราบชีพวายก็ยังมั่นคง ทระนง ของ คนแบกเป้

***********
จับมือน้อยๆ ค่อยๆ สอนลูกวาดเขียน
เป็นนกเงือกบินเวียน ในป่าดงพงไพรกว้าง
เป็นละมั่งเลียงผา เป็นไก่ฟ้าเป็นเก้งกวาง
เป็นชะนีลิงค่าง เป็นช้างเป็นเนื้อทราย
เป็นกระจงอีเห็น เป็นหมีควาย
เป็นแรดเป็นม้าลาย เป็นเสือสิงห์กระทิงไพร

*********
เด็กน้อยวาดไป ใจอยากเห็นสัตว์สวยงามสงสัย จึงไถ่ถาม
พ่อจ๋าหาดูที่ไหน พ่อนิ่งบอกไม่ถูก ไม่รู้ตอบลูกยังไง
ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไป ไม่มีอะไรเหลือแล้ว

จาก หมื่น ต้าร์  (ต้นกล้าในป่าใหญ่)

เรื่องเล่าจากเขาสมอปูน ตอนอื่น ๆ
… สมอปูน …
… กลางดง พงป่าสมอปูน …
… การเดินทาง “สมอปูน” …
… ครั้งหนึ่ง ณ สมอปูน …
… เรื่องเล่า จากสมอปูน …
… ๒ ปี ๒ ครั้ง กับ “สมอปูน” องก์ที่ ๑ …
… ๒ ปี ๒ ครั้ง กับ “สมอปูน” องก์ที่ ๒ …
…  ๒ ปี ๒ ครั้ง กับ “สมอปูน” องก์ที่ ๓ (จบ) …
…  สิ่งแวดล้อมเพื่อชุมชน ม.สารคาม กับ การเดินทางสู่สมอปูน (ดินแดนแห่งมิตรภาพ) …

ปิดการแสดงความเห็น