การเดินทาง “สมอปูน”

      เช้าวันที่จะเดินทางขึ้นสมอปูนทุกคนได้ไปรวมตัวกันที่ ศูนย์บริการเพื่อพบหัวหน้า ก่อนเข้าสมอปูนหลังจากนั้นทุกคนก็จัดเป้กระจายของส่วนกลางเข้าเป้ตัวเองและแบ่งกลุ่มเป็น ๓ กลุ่มเดินเข้าป่า ผมอยู่ในกลุ่มที่ ๒ เมื่อเริ่มเดินเข้าป่าได้ไม่ไกลผมก็รู้ ทันทีว่าน้ำหนักที่มันเพิ่มขึ้นมันส่งผลมาก ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย (รู้แบบนี้ฟิตร่างกายไว้ก็ดี) แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญเพราะที่สำคัญก็คือเป้ที่สายมันแข็งทำให้เจ็บไหล่มากเลยทีเดียว
มาเข้าเรื่องการเดินป่าดีกว่า เส้นทางที่เดินช่วงแรก ๆ ก็ไม่ต่างจากเดิมที่ผมเคยเดินเท่าไหร่ เดิน ๆ ไปก็คิดถึงครั้งก่อนที่เดินขึ้นไป (บ่นในใจทำไมรอบนี้มันเหนื่อยจัง) เส้นทางเดินก็ไม่ลำบากมากนัก และทุกคนก็แวะพักกันอยู่บ่อยตามจุดพักเพื่อเอาแรงจากนั้นทุกคนก็แบกเป้เดินต่อ จนมาถึงจุดที่ต้องขึ้นน้ำตกก่อนไปจุดพักต้มกาแฟ “เอาวะวิ่ง”  แล้วผมก็วิ่งขึ้นไปก็ได้เจอกับเพื่อน ๆ ที่นั่งพักกันอยู่     เป็นกลุ่มที่นำมาก่อนหลังจากพักกันจนพอมีแรงเราก็ออกเดินทาง จนถึง ณ คลองต้มกาแฟของพวกเรา ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาจัดการหน้าที่ตัวเองกินอาหาร นั่งพักและตั้งหน้าตั้งตาหุงข้าว เพื่อรอ อ.นพ มา ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ตามมา (อ.นพยังไม่ได้กินอะไรเลย) เมื่อทุกคนพร้อมเดินทางต่อก็แบกเป้เดินย่ำไปปีนน้ำตกบ้างใช้ทั้งสองเท้าและสองมือปีนเนินดินบ้างเดินไปเดินมา ดูเวลาก็จวนจะมืดไปทุกที และในที่สุด ฟ้าก็มืดลง “โถกรรม” ไฟฉายเราอยู่ในเป้อีกใบ ยังดีที่มีเพื่อน ๆ มีไฟฉายก็คอยเดินตามแสง จนมาใกล้ถึงจุดหมายสันเขา ก็พากัน  ปีนอย่างเมามันมองก็ไม่เห็นทางก็ชันเหลือเกิน (ลำบากและมันสุด ๆ)  เมื่อถึง สันเขาผมก็ทิ้งเป้ลงพื้นพร้อมพาร่างกายที่ล้าเต็มทีนั่งลงที่พื้น  “เฮ้อถึงสักที”   นั่งพักจนพอมีแรงกลับมาอีกครั้งหลังจากหมดแรงไปกับการปีนป่าย ก็แบกเป้ขึ้นไหล่ช้ำ ๆ  ที่เจ็บเพราะสายเป้ที่มันไม่เหมาะกับการแบกเข้าป่าและแล้วที่ รอยคอ รอคอย ถึงจริง ๆ สักทีได้เจอทุกคนกันอีกครั้ง ทุกคนกำลังทำอาหารกันเลยและเราก็รู้สึกว่า นี่คือจุดหมายเราแล้ว ไม่ขอสนโลกทิ้งเป้ทิ้งตัวลง “สบายจริง ๆ” หลังจากหายเมื่อก็ลุกขึ้นมาหาฟืนช่วยเพื่อนเพื่อก่อไฟทำอาหารเพิ่มให้พวกเรากิน หลังจากกินอาหารเสร็จเราก็ออกเดินทางเพื่อไปยังที่ที่เราตั้งใจไว้ว่าจะไปพัก แต่ปัญหาคือ  “ไม่นะเดินมาตั้งไกลตี ๒ แล้วนี่หว่า” ต้องเดินกลับเพราะที่ที่เราจะพักมีเจ้าหน้าพักอยู่ ทุกคนตกลงว่าจะพักอีกที่ก่อนหนึ่งคืนก็พากันเดินย้อนกลับไปหน่อยและจัดการก่อไฟ ทำที่พัก หาที่นอนตัวเองหลังจากนั้นผมก็  zzZZ หลับไปเลย

 

 

ในที่สุดก็เช้าผมตื่นขึ้นมาเห็น ทุกคนกำลังกินอาหารกันบางคนก็หลับอยู่ผมก็ลุกไปทำภารกิจ ส่วนตัวและเข้าร่วมวงอาหาร อาหารอร่อยมาก ๆ พอเริ่มสาย ๆ แดดออก ร้อนสิครับ  คงถึงเวลาที่พวกเราจะต้องย้ายไปที่ ๆ เราจองไว้แล้วหละ เก็บข้าวของแบกเป้เดินไป ณ ที่พักใหม่ ที่พักใหม่ร่มเย็น สบายมาก ๆ ก็ลงมือจัดที่พัก อะไรเรียบร้อยก็พักผ่อนเดินเล่นไปจนถึงมื้อเย็นผมก็กินอาหารจนเสร็จและตัดสินใจนอนเพราะรู้สึกเพลีย ๆ และตั้งใจตื่นมาเฝ้าเวรตอนดึกซึ่งได้คุยกับ เก่ง ไว้ว่าฝากบอกทุกคนด้วยนะ ว่าโต๋ ขอเวรดึก ตื่นมาช่วงเวร ๑ กำลังจะไปนอน เราก็ไปเฝ้าเวรโดยเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเวร  ๒  แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป ใกล้ได้เวลาพักของเวร   ๒ มีคนทักขึ้นมาว่า “อ้าวโต๋  อยู่เวร ๓ ไม่ใช่หรอ”   = =” ???  “อะไรนะ”  “จริงหรอ”   “ทุกคนบอกจริงเขาประชุมกันแต่แกหลับนี่”  กรรมของเวร T T สุดท้ายผมก็ต้องเฝ้าเวรไปถึง6โมงเช้า และได้ขอลาเข้านอน เพื่อเตรียมแรงไว้เดินทางกลับ …….                                                                                                                                                                 

การขึ้นเขาสมอปูนครั้งนี้สนุกมาก ๆ ครับ ได้เดินป่าในช่วงเวลาที่อยากหลับที่สุดไม่เคยเดินดึกขนาดนี้ สะใจจริง ๆ แต่ก็เสียดายที่ร่างกายไม่ค่อยจะได้ดั่งใจ ในการเดินพลังกายหมดแล้วหมดอีกที่เดินต่อคือใจที่มีจุดมุ่งหมายไว้ สมอปูนเป็นที่ที่สวยมาก ๆ ท้องฟ้าก็สวยไม่แพ้ที่ไหน ๆ  ครั้งแรกที่ผมขึ้นสมอปูนผมก็ ได้สัญญาไว้ว่าถ้าผมมีโอกาสผมจะมาที่นี่ให้ได้ และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ ๓ ของผม มีความสุขมากที่ได้ร่วมเดินทางกับเพื่อน ๆ ที่มีอะไรเหมือน ๆ กัน คือทุกคนรักธรรมชาติ ได้พูดคุยกับคนที่พูดภาษาเดียวกัน ๕๕๕ จริง ๆ แล้วมันมีเรื่องราวมากมายที่ไม่ได้เล่าออกมา แต่สิ่งที่ผมคิด ณ ตอนนั้น “สมอปูนป่านี้เขานี้อบอุ่นเหมือนเคย”

นายโต๋  นครนายก
๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

เรื่องเล่าจากเขาสมอปูน ตอนอื่น ๆ
๑.  สมอปูน ……
๒.  กลางดง พงป่าเขาสมอปูน 

ปิดการแสดงความเห็น