จุดเริ่มต้นสู่สมอปูน กม.๑๔ วันแรกแห่งการเดินทางด้วยฝ่าเท้าของเราทั้งสองข้าง พร้อมกับพลังกายพลังใจ ที่ร่วมก้าวเดินพาเราไปยังจุดหมาย ซึ่งฝ่าฟันกับอุปสรรคมากมาย ล้วนมีแต่สิ่งที่ทำให้เหนื่อย ท้อถ้อย แต่มันก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่แย้งอยู่ในใจเราเสมอ นั่นก็ คือ ความท้าทาย ถึงพลังกายของเราจะไม่ไหว แต่พลังใจของเรามันไปถึงยอดสมอปูนก่อนแล้ว และสิ่งสำคัญในการเดินทางของเรานั้น เรามีเพื่อนที่เดินไปพร้อม ๆ กันกับเรา พร้อมที่จะลำบากกับเรา พร้อมที่จะช่วยเหลือเราและพร้อมที่จะให้กำลังใจเราเสมอในการลุกเดินต่อการเดินทางวันแรกเป็นเวลานาน และครั้งแรกของเราที่ได้เดินป่าในยามค่ำคืน มืด ๆ มีแต่แสงไฟ แสงดาวที่
ส่องนำทางอยู่กลางป่าเขา ไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้าจะเป็นเช่นใด แต่ค่ำคืนนั้นรู้แต่ว่าจะต้องถึงจุดที่พักอย่างแน่นอน เมื่อได้เดินไปตามทางที่มีผู้นำคอยนำทางเราเป็นอย่างดี ยามเหนื่อยก็มองที่ท้องฟ้าเห็นดวงดาวส่องแสงระยิบระยับมากมายตระการตา มันทำให้รู้สึกดี ยิ้มได้ หายเหนื่อยไปเลย (ลืมเหนื่อย) สุดท้ายก็เดินถึงที่พักจนได้ ถ้าจำไม่ผิดประมาณซักสองยามช่วงนั้นคิดแต่ว่า เรานอนตรงไหนก็ได้ง่วงแล้ว (ง่วงมาก)
รุ่งเช้า เข้าสู่วันใหม่ท้องฟ้าสดใส บรรยากาศเย็น ๆ ลมพัดนิด ๆ นี่แหละใช่เลยเราขึ้นมาบนยอดสมอปูน ต้องการบรรยากาศแบบนี้มีดอกไม้ที่เราชอบสีสันสดใสขึ้นตามทุ่งหญ้า ตามน้ำตกสายเล็ก ๆ ออกดอกชูช่อให้เห็นมองเท่าไรก็ไม่เบื่อ มองทีไรก็ยิ้มได้นี่หรือที่เขาเรียกกันว่า “ความสวยงามตามธรรมชาติ” พอสาย ๆ ก็ออกเดินทางไปที่พักอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากที่เดิมตามข้างทางก็มีแต่ดอกไม้ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้ดินที่ขึ้นอยู่ตามซอกหินมองไปมันก็มีสิ่งที่ทำให้เราสะดุดตา (มันมีจุดเด่นของมันที่ไม่ต้องแต่งเติม) พอตกกลางคืนทุกคนกินข้าวร่วมกัน ท่ามกลางเปลวไฟที่ให้ไออุ่น รวมทั้งแสงจันทร์ แสงดาว ที่ให้แสงสว่างในยามค่ำคืน ซึ่งค่ำคืนนั้นเรามีการจัดอยู่เวรกันจะต้องคอยดูกองไฟไม่ให้ดับดูสิ่งรอบ ๆ บริเวณจุดที่พักที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ เราได้รู้ว่าการใช้ชีวิตอยู่ในป่ามันอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอไป ไม่มีความสะดวกสบายอะไรมากนัก แต่มันอยู่ที่ใจของเราเท่านั้นว่าเราอยากที่จะสัมผัส อยากที่จะค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตัวเองหรือเปล่า มันอาจจะไม่ได้ง่ายหรือยากเกินไป ถ้าเราฝ่าฟันอุปสรรคนั้นมาได้
รุ่งเช้าของวันสุดท้าย ได้ยินเสียงต้นไม้ เสียงนก เสียงน้ำ เสียงลมและเสียงพูดคุยกันยามเช้า เตรียมเก็บสัมภาระต่าง ๆ เข้ากระเป๋าเป้แล้วต้องทำใจบอกลาต้นไม้ ดอกไม้ พร้อมออกเดินทางจากสมอปูนเข้าสู่เมือง เดินทางผ่านจุดชมวิวที่มองลงไปเห็นเมืองปราจีนบุรี ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยในการที่จะเดินลง แต่ก็คิดว่าสูงขนาดนี้ทำไมเราถึงขึ้นมาได้ “เราขึ้นได้ก็ต้องลงได้”
การลงเขาจากสมอปูนเหมือนจะไม่ง่าย แต่มันง่ายสำหรับเรารู้สึกสนุกมากกับการสไลด์ การลื่นล้มหรือการโยนกระเป๋าเป้ลงและการได้ช่วยเหลือเพื่อน เนื้อตัวและเสื้อผ้าเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยสี ของดิน (เหนื่อยนะ แต่ยังยิ้มได้และมีเสียงหัวเราะตลอดทาง) พอถึงครึ่งทางพักกินข้าวเติมพลังให้กับตัวเอง คิดกับตัวเองว่าเราจะได้กินข้าวอยู่ทามกลางป่าข้างสายน้ำใส ๆ ที่ไหลผ่านเป็นมื้อสุดท้ายที่เราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ เมื่ออิ่มก็เดินต่อเริ่มตกเย็นก็ต้องรีบเดิน ขาเริ่มไม่ไปตามสมองสั่งแต่ใจนี่ซิถึงทางออกแล้ว (คิดไปเอง) ต้องเดินทามกลางความมืดอีกแล้ว คิดแต่ว่าเราต้องเดินไปให้ถึง บอกขาตัวเองว่าต้องก้าวแล้วก้าวต่ออย่าหยุดถ้ายังไม่ถึงจุดหมาย สุดท้ายก็เจอทางออกรู้สึกดีใจและหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยและคิดว่าเราทำสำเร็จแล้วกับการที่ได้ไปเยียบย่ำสมอปูนเป็นครั้งที่สองมันมีคุณค่าทางจิตใจเรามาก………..
นกหวีด ปราจีนบุรี
๒๐ – ๒๒ ต.ค. ๒๕๕๕
อ่านเรื่องที่คล้ายกัน
สมอปูน…