เรื่องเล่าของดาวสีแดง…(๖)

๑๐.) ถนนสายมิตรภาพ
 

ถนนสายมิตรภาพระหว่างพวกเรากับกลุ่มเขาใหญ่เริ่มทอดยาวออกไปอีก หลังจากกลับจากดงทากคราวนั้น ในกลุ่มของพวกเรามักจะมีเรื่องเดินป่า เป็นประเด็นหลักในการพูดคุยกัน บางคนเที่ยวไปเดินหาอัลบั้มเพลงเพื่อชีวิตมาแจกจ่ายให้กันฟัง เราร้องเพลงมาลีฮวนน่า กันได้เกือบทุกเพลง คาราวานเอย กระทั่งเพลงใต้ดินเราก็ยังอุตสาหะไปมุดแผงเทปหา
 ในวันหยุดพวกเรามักจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนอยู่บ้านเพื่อนคนหนึ่งแถวถนนสุขาภิบาล ๑ บังเอิญเหลือเกินที่เด็กหนุ่มจากเขาใหญ่ หลายคนที่ยังเรียนไม่จบ พวกเขาเช่าอพาร์ตเม้นต์ อยู่ละแวกนี้เช่นเดียวกัน ตอนเย็นเวลาพวกเขาหิวข้าว ก็มักจะพากันเดินตุปัดตุเป๋มาขอข้าวพวกเรากินเป็นประจำจนสนิทสนมคุ้นเคย
ทั้งสองคนเป็นเด็กมีสัมมาคารวะมากเลย ไปลามาไหว้ทุกครั้ง เป็นรุ่นน้องพวกเราสัก ปี สองปี เห็นจะได้ น้องใหม่ดูเหมือนว่าจะเป็นขวัญใจพวกพี่ๆ ด้วยบุคลิกสนุกสนาน หน้าตาดี แต่น้องโหน่งหัวฟู ก็มีลักษณะเด่นทำให้พวกเราฮาแตกเป็นประจำ นั่งทำหน้าเฉยๆ ยังทำให้เขาขำได้ แต่ลึกๆ แล้วเป็นคนมีสาระมาก เกือบเป็นซีเรียสเมื่อพูดถึงเขาใหญ่ แนวทางอนุรักษ์ป่า และการบุกรุกพื้นที่เขาใหญ่
เขาสองคนไปกับพวกเราได้ทุกที่ ไปผับ ไปดริ้งด์แอนด์แดนซ์ แนวไหน สไตล์ไหนก็กลืนไปกับเขาได้หมด จากเคยพากันมา ๒ คน เริ่มงอกออกมา เป็น ๓.. ๔.. ๕…รวดเร็วยิ่งกว่าหน่อไม้หน้าฝนบนเขาใหญ่
น้องใหม่บอกพวกเราว่า ปลายฝนต้นหนาว พวกเขาชาวเขาใหญ่จะมีเดินป่าประเพณี เอ๊ะ..ยังไง เราเคยได้ยินแต่ฟุตบอลประเพณี กีฬาประเพณี อะไรอย่างนี้
….เขาบอกว่า ทุ่งสมอปูน บนเขาใหญ่ สุดจะบรรยาย ต้องไปดู ไปเห็นเองถึงจะรู้ว่า ทุ่งดอกไม้บนยอดเขาสูงนั้นสวยงามเพียงไหน ทั้งหมอกขาว ทั้งน้ำใส มีทุ่งหญ้ากว้างสุดสายตา ดอกไม้เบ่งบานเต็มท้องทุ่ง ดอกไม้ที่เขาเอ่ยชื่อมานานาชนิด เราไม่รู้จักสักอย่าง
 
….เขาบอกว่า ทริปนี้เป็นทริปใหญ่ประจำปีของพวกเขา ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ถ้าไม่แน่จริง ให้นอนอยู่กรุงเทพฯ เพราะงานนี้ทางเดินหฤโหด เหนือคำบรรยายอีกเช่นกัน.. เอ๊…เราไม่ชอบให้ใครมาท้าด้วยสิ เอาเป็นว่า วีคเอนด์ของสัปดาห์ที่ ๒ ของเดือนตุลาคมนี้ แล้วเราจะได้เห็นกัน

๑๑.)เขาใหญ่ คือบ้านของเรา
 

คนเขาใหญ่กลุ่มนี้มีวิถีน่าสนใจมากในความรู้สึกของเรา เพียงแค่รู้จักเราก็สัมผัสได้ถึงแก่น เพราะพวกเขาไม่มีเปลือกนอกอันสวยหรูฉาบทา
 
จุดร่วมของพวกเขาคือ..ปากช่องคือบ้านเกิดและเหมือนว่าจะเป็นเรือนตายด้วย แยกย้ายกันไปเรียนต่างสถาบัน วันหยุดกลับบ้านเพื่อขึ้นเขาใหญ่ จากบ้านไปชั่วขณะเพราะต้องไปทำหน้าที่เล่าเรียนให้จบและกลับมาทำงานที่บ้านเกิด หางานทำในถิ่นฐานของตน
 
แต่กลุ่มของพวกเรา มีจุดร่วมคือ เรียนในสถาบันเดียวกัน คณะเดียวกัน วิชาเอกเดียวกัน แต่ต่างพื้นเพ ต่างคนต่างมาเรียนและเจอกัน ทั้งเหนือ กลาง ใต้ ออก และ เฉียงเหนือ แต่เรียนจบและหางานทำในเมืองหลวง ไม่มีใครคนไหนคิดจะคืนถิ่นฐานบ้านเกิดเหมือนพวกปากช่อง
รูปลักษณ์ภายนอกของแต่ละคน ยิ่งเวลาล้อมวงกันดื่มกิน ถ้าไม่มีกีตาร์ตัวงามสอง สามตัว ส่งเสียงอยู่ในวงแล้วนั่นไซร้ ใครหรือจะกล้าเฉียดกรายไปใกล้
หัวหน้าแก๊ง เป็นอาจารย์โรงเรียนมัธยมชื่อดังในปากช่องคนหนึ่ง เขาคือ อาจารย์ปู่ ผู้ใจดีของลูกของลูกศิษย์ เป็นอาจารย์ปากจัดเข้มงวดของนักเรียนในโรงเรียน เป็นครูผู้ให้ของลูกศิษย์เก่าที่เรียนจบไปแล้วแต่ยังแวะเวียนมาให้อาจารย์เลี้ยงเหล้าอยู่เป็นประจำ
วีรกรรมล่าสุดของอาจารย์คือ ควักกระเป๋าซื้อตั๋วคอนเสิร์ตของวง อีเกิลส์ ที่มาแสดงที่ อิมแพค อารีน่า ใบละหกพัน สำหรับตนเองและลูกศิษย์พวกนี้อีกห้าคน เล่นเอาคนไม่ได้ไปด้วยเพราะเกรงใจต้องเสียสิทธิ์ไปอย่างน่าเสียดาย

๑๒.)ดั้นด้นเพื่อค้นหา
ไปเดินป่ายอดเขาสมอปูนครั้งนี้ พวกเรามีการเตรียมความพร้อมมากกว่าเดิม เขาบอกว่ากลางคืนบนยอดเขาหนาวมาก ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้ความอบอุ่นกับร่างกายเป็นสำคัญ ส่วนเรื่องเสบียงพวกเขาอาสาทำหน้าที่เตรียมไว้ให้เอง โดยพวกเราได้ให้สตางค์พวกเขาไว้เป็นจำนวนหนึ่ง


เหมือนครั้งก่อนคือ เรานั่งมองพวกเขาจัดสัมภาระลงกระเป๋าจนเกือบหลับ ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ จำหน้าไม่ไหว ใครบ้างเคยเจอแล้ว ใครบ้างเป็นพวกหน้าใหม่ พวกเขาบางคนเริ่มเปิดขวดเหล้าดื่มกันแล้ว

เซ็งอ่ะ … เราทำงานเวลาเป็นเรื่องสำคัญ วินาทีหนึ่งคือได้เสียมหาศาล ขอสารภาพค่ะ เป็นคน ขายหุ้นอ่ะ ทำงานในบริษัทหลักทรัพย์ ยักษ์ใหญ่เลยน้า….
เดินออกมานั่งรอในรถสำหรับใช้ขึ้นเขาใหญ่ มีคนนั่งรออยู่ในรถแล้วคนหนึ่ง เป็นหญิงสาวผมสั้นท่าทางปราดเปรียว ยิ้มให้เราอย่างเป็นมิตร ….เอ เราไม่เคยเจอรอยยิ้มอย่างนี้สักเท่าไร
ชื่อ หน่อยค่ะ ขึ้นเขาด้วยกันใช่ไหม
เราพยักหน้า รู้สึกดีขึ้นกับมิตรภาพใหม่ๆ
รถโดยสารคันใหญ่พากลุ่มคนเดินทาง ๓๐ กว่าชีวิตมุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ พวกเรานั่งกินลมชมวิวข้างทางอย่างสบายอารมณ์ ผ่านน้ำตกเหวนรกมาสักพักก็จอดส่งพวกเราลงข้างทาง เราจะเดินเข้าป่าจากจุดนี้ เขาเรียกว่า ก.ม. ๑๓ ค่ะ

ไม่ใช่เรื่องเล่นจริงๆ อ่ะ ทางเดินสูงชันขึ้นเรื่อยๆ เขาแต่ละลูกที่พวกเราต้องเดินผ่านทอดยาวสูงชันขึ้น..ชันขึ้น ผ่านไปลูกแรกก็หูตาลาย พวกเขาบอกว่าน้ำดื่มต้องค่อยๆ จิบ ไม่งั้นจะจุกตาย เราสัมผัสได้ถึงน้ำใจ และมิตรภาพตลอดทางเดิน น้ำดื่มถูกส่งต่อมาให้เป็นระยะ พร้อมกับรอยยิ้มและเสียงกระเซ้า รู้สึกว่าพวกรั้งท้ายพากันดื่มกันอย่างต่อเนื่อง

เราพยายามเดินต้วมเตี้ยมตามขบวนแถวหน้าจนทันพวกเขาที่นั่งพักกันก่อนหน้า พอเรามาถึงพวกเขาก็พากันลุกขึ้น พรึบ แล้วเดินไปต่อกันหน้าตาเฉย โฮ…ใจร้าย เราต้องกัดฟันเดินตามต่อไปครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากปีนน้ำตกเพื่อข้ามเขาอีกลูกหนึ่งนั้น ขาเราประท้วงจะไม่ยอมเดินซะแล้ว เป็นการหยุดพักใหญ่ คือพักกันทุกคน

กระติกสนามยื่นมาตรงหน้า เรารับมาดื่มอย่างว่าง่าย เพราะของเราหมดเกลี้ยงตั้งแต่ข้ามเขาลูกแรกโน้น…เอ๊ะ หวาน ๆ ซ่า ๆ เหมือน สไปร์ทเลยอ่ะ หันไปมองหน้าเจ้าของเห็นรอยยิ้มกวนๆ ส่งคืนเขาไปอย่างงงๆ เขาปิดฝาเก็บเข้ากระติกน้ำข้างเป้หน้าตาเฉย ..เอ..ไอ้หนุ่มหน้ามนคนนี้เป็นใครหว่า..รู้สึกได้ถึงความซาบซ่า หรือ
ว่าเป็นเพราะดื่มสไปร์ท อ๊ะ..หรือไม่ใช่

เรื่องเล่าของดาวสีแดง…(๕)

ปิดการแสดงความเห็น